‘แว่นท็อปเจริญ’ แปรสภาพเป็นบริษัท ‘มหาชน’ แล้ว เตรียมขยายสาขาสู่อาเซียนปีนี้

บริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ แว่นท็อปเจริญ ผู้นำบริการด้านสายตาแบบครบวงจรในประเทศไทยมากว่า 77 ปี ได้ดำเนินการแปรสภาพเป็นบริษัท “มหาชน” เรียบร้อยแล้ว เพื่อมุ่งขยายโอกาสสร้างการเติบโตบนรากฐานความสำเร็จอันยาวนานในฐานะผู้นำธุรกิจร้านแว่นตาของไทย ที่ในปัจจุบันมีจำนวนสาขามากถึง 2,130 สาขามากที่สุดในไทยและอาเซียน ครองส่วนแบ่งตลาดธุรกิจร้านแว่นตาในไทยถึงกว่า 41% เตรียมปูพรมขยายสาขาไปยังภูมิภาคอาเซียนในปี 2567 นี้

    นายนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ แว่นท็อปเจริญ กล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจแว่นตาที่มีมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันแว่นท็อปเจริญ คือผู้นำบริการด้านสายตาแบบครบวงจรที่มีสาขาในทุกจังหวัดทั่วไทย

    “เราเป็นผู้ริเริ่มนำนวัตกรรมตรวจวัดสายตาด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาเสริมประสิทธิภาพในการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นให้ดียิ่งขึ้น พร้อมมอบประสบการณ์และการบริการเหนือระดับจากนักทัศนมาตร (Doctor of Optometry) และผู้เชี่ยวชาญด้านสายตามืออาชีพ (Optician) ที่ผ่านการฝึกอบรมด้วยมาตรฐานสากล พร้อมนำเสนอสินค้าคุณภาพทั้งแว่นตา แว่นกันแดด และเลนส์สายตาจากแบรนด์ชั้นนำที่หลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก ครอบคลุมทุกระดับราคา ทุกความต้องการของผู้บริโภค และวันนี้ เราพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่การเติบโตครั้งใหม่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม”

    ทั้งนี้ แว่นท็อปเจริญ มีเป้าหมายในการเป็นผู้นำธุรกิจร้านแว่นตาแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยวางแผนขยายสาขาไปในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย โดยยังคงจุดเด่นด้านคุณภาพเหนือระดับ ราคาที่ผู้บริโภคทุกกลุ่มสามารถเลือกสรรได้ตามต้องการ และบริการที่สร้างความประทับใจ ผ่านความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยี AI สุดล้ำหน้า รวมไปถึงโปรแกรมตรวจวัดสายตาเฉพาะบุคคลที่ละเอียดแม่นยำ (AxQ20) โดยเฉพาะผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟ

    ทั้งนี้ยังมีการพัฒนาสาขาการให้บริการในรูปแบบของ Flagship Store ขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อมอบประสบการณ์การมองเห็นแบบลักซ์ชูรี่ให้ลูกค้า ภายใต้วิสัยทัศน์ “ผู้นำการบริการด้านสายตาที่เชี่ยวชาญครบวงจร พร้อมให้การดูแลที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนในอาเซียน”

เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ฟาสต์ บิวตี้’ ร้านทำผมจากญี่ปุ่นบุกไทย ร่วมจับมือ ‘เครือสหพัฒน์’ เปิดร้านทำสีผม ‘fufu’ 100 สาขา​

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine