‘รายได้ดี มีโอกาสโต เวลายืดหยุ่น’ รวมเหตุผลที่ทำให้พนักงานประจำเลือกลาออกไปเป็นฟรีแลนซ์ - Forbes Thailand

‘รายได้ดี มีโอกาสโต เวลายืดหยุ่น’ รวมเหตุผลที่ทำให้พนักงานประจำเลือกลาออกไปเป็นฟรีแลนซ์

สัญญาการจ้างงานอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป รายงานของ Gartner เผยว่าพนักงาน 82% ต้องการให้บริษัทที่พวกเขาทำงานอยู่ให้คุณค่าพวกเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่แค่ลูกจ้าง ทว่ามีเพียง 45% เท่านั้นที่ได้รับการตอบสนองดังกล่าว ในขณะที่การสำรวจชาว Gen Z และมิลเลนเนียลประจำปี 2024 ของ Deloitte พบว่าคนทำงานกว่า 1 ใน 3 กังวลว่าจะต้องเสียงานไป บรรดามืออาชีพต่างมีมุมมองต่อหน้าที่การงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนอย่างใหญ่หลวง พาให้คนจำนวนมากเริ่มพิจารณาการเป็นฟรีแลนซ์


    เพื่อทำความเข้าใจการปฏิวัติด้านอาชีพ มาดูกันว่าเหตุใดการเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์จึงดึงดูดใจพนักงานบริษัทมืออาชีพ และเส้นทางนี้มีความมั่นคงมากกว่าอย่างไรในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน


เหตุผลที่สนใจเป็นฟรีแลนซ์

    มีเหตุผลมากมายให้มืออาชีพบอกลางานแบบเดิมๆ โดยปัจจัยหลักที่เอื้อให้เกิดความพึงพอใจและความสำเร็จระยะยาวในฐานะฟรีแลนซ์มี 5 ข้อ ได้แก่


1) การเป็นฟรีแลนซ์มอบความพึงพอใจในอาชีพมากกว่า

    ความพึงพอใจในอาชีพในหมู่คนทำงานอิสระเพิ่มสูงขึ้นกว่าพนักงานประจำอย่างต่อเนื่อง ผลการศึกษาล่าสุดจาก MBO Partners แสดงให้เห็นว่า 61% ของคนทำงานอิสระรู้สึกว่าได้เป็นตัวของตัวเองขณะทำงาน โดยเกือบ 60% เผยว่างานที่ทำอยู่เข้ากันได้ดีกับตัวตนของพวกเขา ในขณะที่มีคนทำงานประจำเพียง 47% เท่านั้นที่รู้สึกแบบนั้น

    ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนข้อเท็จจริงอันชัดเจน มืออาชีพที่เปลี่ยนมาเป็นฟรีแลนซ์มีแนวโน้มมีความสุขกับชีวิตการทำงานมากกว่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับค่าตอบแทนเยอะขึ้นเสมอไปในระยะแรกเริ่ม


2) การเป็นฟรีแลนซ์ช่วยสร้างความมั่นคงในอาชีพ

    ความมั่นคงในอาชีพกับการเป็นฟรีแลนซ์อาจเป็น 2 สิ่งที่ดูขัดแย้งกันตามสามัญสำนึกของคนทั่วไป แต่ข้อมูลจากการศึกษาของ MBO Partners ในปี 2024 กลับชี้ไปยังทิศทางตรงกันข้าม 61% ของคนทำงานอิสระเลือกเส้นทางนี้ด้วยตัวเอง มีเพียง 10% เท่านั้นที่บอกว่าทำเพราะความจำเป็น

    ความมั่นใจต่ออาชีพอิสระกำลังเติบโตขึ้น โดย 65% ของคนทำงานอิสระแบบเต็มเวลานั้นรู้สึกมั่นคงกว่าการทำงานประจำ และกว่าครึ่งบอกว่าจะไม่กลับไปทำงานประจำ

    ความเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนความต้องการอิสรภาพและการเติมเต็มจุดมุ่งหมายที่เติบโตขึ้น การเป็นฟรีแลนซ์ไม่ใช่แค่ตัวเลือกสำรองอีกต่อไป ซึ่งความรู้สึกมั่นคงในอาชีพมาจากเหตุผลต่างๆ ดังนี้

    - รับงานลูกค้าได้หลายคนแทนที่จะรับจากนายจ้างคนเดียว

    - ควบคุมราคาค่าจ้างและปริมาณงานไม่ให้ล้นจนเกินไปได้

    - สามารถปรับตัวตามตลาดที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

    - มีความใกล้ชิดกับหนทางสร้างรายได้โดยตรง

    ค่านิยมการจ้างงานแบบเดิมๆ ที่ต้องแลกความจงรักภักดีต่อองค์กรกับความมั่นคงในงานประจำค่อยๆ เสื่อมลง สืบเนื่องจากสิทธิประโยชน์ที่ถูกตัดออก เงินบำนาญที่ไม่คุ้มค่า และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างองค์กรกับลูกจ้างก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

3) การเป็นฟรีแลนซ์ทำให้ชีวิตมีความยืดหยุ่น

    ความยืดหยุ่นระหว่างชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เหล่ามืออาชีพตัดสินใจเลือกทำงานอิสระ ผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นฟรีแลนซ์มากกว่าผู้ชาย เพราะพวกเธอต้องการตารางเวลาที่ยืดหยุ่นมากกว่า ชอบการทำงานจากบ้าน และอยากหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมไม่พึงประสงค์รวมถึงบรรยากาศท็อกสิกในที่ทำงาน ทั้งหมดนี้ยังหมายถึงไลฟ์สไตล์อีกด้วย เพราะมนุษย์ฟรีแลนซ์จำนวนมากเผยว่า การทำงานอิสระดีต่อสุขภาพมากกว่า


4) การเป็นฟรีแลนซ์เพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้

    โอกาสที่รายได้จากงานอิสระจะเติบโตนับเป็นอีกปัจจัยสำคัญ จำนวนคนทำงานอิสระระดับมืออาชีพที่มีรายได้สูงกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปีเพิ่มขึ้นเป็น 4.7 ล้านคนในปี 2024 จาก 3 ล้านคนในปี 2020

    ที่สำคัญที่สุด มนุษย์ฟรีแลนซ์หลายคนเผยว่า รายได้มากมายเหล่านี้เอื้อให้พวกเขาสามารถใช้จ่ายเงินเพื่อสิ่งที่พวกเขาต้องการ พร้อมชี้ว่าผลประโยชน์ด้านการเงินที่พวกเราได้รับนั้นมีดีกว่าแค่ตัวเลข


5) การเป็นฟรีแลนซ์นำไปสู่การพัฒนาในฐานะมืออาชีพ

    การพัฒนาทักษะกลายเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้หากต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และงานอิสระก็ช่วยมอบโอกาสด้านการเติบโตที่หาจากที่อื่นไม่ได้ คนทำงานฟรีแลนซ์จำนวนมากลงทุนกับการยกระดับทักษะของตัวเอง โดยส่วนใหญ่เผยว่าทักษะใหม่ๆ นำไปสู่การเพิ่มรายได้และโอกาสในการหาลูกค้า

    การทำงานฟรีแลนซ์อำนวยให้แต่ละคนสามารถทำงานที่หลากหลายกับฐานลูกค้าที่แตกต่าง ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้จะนำพาพวกเขาไปสู่ความท้าทายใหม่ๆ และผลักดันให้พวกเขาได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

เปรียบเทียบฟรีแลนซ์กับการจ้างงานแบบเดิม

    การทำความเข้าใจข้อแตกต่างระหว่างการเป็นฟรีแลนซ์กับการทำงานประจำช่วยอธิบายได้ว่า เหตุใดมืออาชีพหลายคนถึงตัดสินใจเปลี่ยนไปทำงานอิสระ


อำนาจเหนืออาชีพ

    มนุษย์ฟรีแลนซ์มีอำนาจในการควบคุมชีวิตการทำงานของตัวเองมากกว่าพนักงานประจำ อาทิ สามารถเลือกลูกค้าและงาน สามารถตั้งเรทราคาเอง สามารถออกแบบตารางงานของตัวเอง และสามารถวางแผนเส้นทางอาชีพของตัวเองได้



รายได้หลายทาง

    ความสามารถในการสร้างรายได้จากหลายทางนำมาสู่ความมั่นคงทางการเงินท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และช่องทางการสร้างรายได้ของฟรีแลนซ์ก็มีมากมาย เช่น คอร์สเรียนออนไลน์ บริการให้คำปรึกษา การพัฒนาเว็บไซต์ บริการกราฟิกดีไซน์ การขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล รวมถึงการทำการตลาดแบบ Affiliate Marketing อย่างการโปรโมตสินค้าต่างๆ บนโซเชียลมีเดีย


ผู้มาก่อนกาล

    คนทำงานอิสระมักเป็นผู้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มผลิตภาพเข้ามาใช้เป็นกลุ่มแรกๆ ยกตัวอย่างกรณีของ AI ที่เสริมแกร่งให้มนุษย์ฟรีแลนซ์ฝีมือดีมากมายมีผลิตภาพและรายได้มากขึ้น
ผลสำรวจจาก A.Team แพลตฟอร์มช่วยสรรหาบุคลากรและทีมสำหรับโปรเจ็กต์ต่างๆ พบว่า 68% ของผู้เข้าร่วมทำแบบสอบถามกล่าวว่า Generative AI เอื้อให้พวกเขาสามารถทำงานอิสระแก่หลายบริษัทได้ นอกจากนี้ 92% เผยว่าเครื่องมือ AI ช่วยให้พวกเขาทำงานได้ดีขึ้น และ 80% บอกว่า AI ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการหารายได้ของพวกเขา


ใครๆ ก็เข้าถึงได้

    ตลาดฟรีแลนซ์มีแนวโน้มเติบโตทะลุ 500,000 ล้านเหรียญภายในปี 2025 แสดงให้เห็นถึงขนาดและศักยภาพของอุตสาหกรรมฟรีแลนซ์ จนหลายต่อหลายคนสนใจจะเข้าร่วม ซึ่งนับได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก เพราะการทำงานอิสระเช่นนี้ไม่ได้จำกัดแค่ในเมืองใดเมืองหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง และอันที่จริง ปากีสถาน บราซิล และฟิลิปปินส์ ต่างก็เป็นชาติที่รายได้ของฟรีแลนซ์มีเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว


ฟรีแลนซ์จะเป็นมากกว่าแค่เทรนด์

    การที่ผู้คนมากมายหันมาให้ความสนใจกับงานอิสระนั้นเป็นมากกว่าแค่เทรนด์ แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงมุมมองพื้นฐานที่บรรดามืออาชีพมีต่องานและความมั่นคง ครั้งหนึ่งการเป็นพนักงานประจำอาจมีความมั่นคงและคาดการณ์อนาคตได้ ทว่าในปัจจุบัน คนทำงานอิสระกลับพบว่าพวกเขามีความพึงพอใจ ความมั่นคง และประสบความสำเร็จยิ่งกว่าด้วยอำนาจในการควบคุมการทำงานของตัวเอง

    เมื่อได้ทำความเข้าใจปัจจัยหลักๆ ที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของการทำงานแบบฟรีแลนซ์ ตั้งแต่การมีทักษะเฉพาะทางไปจนช่องทางการสร้างรายได้ต่างๆ บรรดามืออาชีพย่อมสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองได้ โดยข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ล้วนชี้ให้เห็นว่าสำหรับหลายๆ คนนั้น คำถามไม่ใช่ ‘ควรทำงานฟรีแลนซ์ดีหรือไม่?’ แต่เป็น ‘ควรเริ่มเปลี่ยนมาเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์เมื่อไหร่?’


แปลและเรียบเรียงจาก Why Freelancing Is The New Career Move For Corporate Professionals


ภาพ:

Andrea Piacquadio from Pexels

Vlada Karpovich from Pexels

Tony Schnagl from Pexels​


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : มธ.อวดบัณฑิตป.ตรีมีงานทำถึง 92.62% เผยหลักสูตรเน้น ‘Soft Skills-ประสบการณ์ตรง’ ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine