ไทยพาณิชย์ เปิดกลยุทธ์ AI-First Bank ใช้ AI ทุกส่วนของแบงก์ ตั้งเป้าปี 2568 สัดส่วนรายได้ช่องทางดิจิทัลขึ้นสู่ 25% ชู AI อนุมัติสินเชื่อทั้ง 100% คาดช่วยลดหนี้เสีย เจาะกลุ่มอาชีพอิสระ แม่ค้า พร้อมขยายฐานลูกค้า Wealth ด้วย 2 ฟีเจอร์จาก AI ‘My Alert’ และ ‘AI Advisory Chatbot’ แนะนำการลงทุนรายบุคคล ย้ำแม้มี AI แต่พนักงานยังเป็นส่วนสำคัญเพราะการปฏิสัมพันธ์ถือเป็น Privilage ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยมองว่าผู้มีรายได้น้อยยังเหนื่อย
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ปัจจุบันการใช้เทคโนโลยีในธุรกิจธนาคารเกิดขึ้นต่อเนื่อง ในส่วนของธนาคารฯ ที่มีลูกค้า 17.8 ล้านราย พบว่ากว่า 84% เป็นผู้ใช้งาน SCB EASY อีกทั้งธุรกรรม รวมถึงการขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องดิจิทัลยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 นี้รายได้ดิจิทัลอยู่ที่ 9.9% จากเป้าหมายสิ้นปีที่ตั้งไว้ 13% และปี 2568 ที่ระดับ 25% แต่ในภาพรวมสินเชื่อจะยังเติบโตแบบสมดุล
หากรายได้ดิจิทัลมีสัดส่วนมากขึ้น เชื่อว่าจะส่งผลให้ต้นทุนลดลง แต่ยังมองว่าธุรกิจธนาคารจะไม่ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดเหมือนช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา เพราะมีทั้งคู่แข่งทางตรงและทางอ้อมมาก ดังนั้นธนาคารควรต้องวาง Segment ลูกค้าที่มีอย่างชัดเจน และบริการต้นทุนให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันยังต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าได้
ในปีนี้ทางธนาคารยังตั้งเป้าหมายเป็น AI-First Bank ภายใต้โมเดล Better Brain ที่จะ0นำข้อมูลมาปรับใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาพัฒนาเพื่อวางรากฐานบริการ พัฒณาผลิตภัณฑ์โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
ปัจจุบันมีการปรับใช้ AI จนเกิด 3 นวัตกรรมใหม่ ได้แก่
- AI อนุมัติสินเชื่อรายย่อย 100% รวมถึงสินเชื่อเคหะ (สินเชื่อบ้าน) สินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายย่อย (SSME) ซึ่งช่วยให้ลูกค้าทราบผลอนุมัติเร็วกว่าเดิม เช่น สินเชื่อ Up เงินทันใจ เป็นสินเชื่อ SSME ผ่าน SCB Easy ที่สามารถรู้ผลอนุมัติเร็วสุดใน 10 นาที และเริ่มมาตั้งแต่เดือน เม.ย. 67 ที่ผ่านมา หากเป็นลูกค้าเดิมของธนาคารไม่ต้องยื่นเอกสารรายได้เพิ่มเติม แต่จะใช้ข้อมูลการเดินบัญชีและอื่นๆ (มักจะมากกว่า 6 เดือน)
ทั้งนี้ เชื่อว่าการใช้ AI มาช่วยพิจารณาสินเชื่อจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่อาจมีความเสี่ยงสูง เช่น อาชีพอิสระ แม่ค้า นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจะสามารถลดอัตราการเกิดหนี้เสียได้ด้วย แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะลดได้มากน้อยเพียงใด ขณะเดียวกันจะยังเป็นการให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ และค่อยเป็นค่อยไป
- บริการ My Alert จะแนะนำและแจ้งเตือนการลงทุนแบบเฉพาะบุคคล แบบ Real time ตลอด 24 ชม. เช่น เมื่อลูกค้าซื้อกองทุนแล้ว หากตลาดมีเหตุการณ์ใด หรือมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งเตือนพร้อมแนะนำการซื้อขายที่เหมาะสม
- AI Advisory Chatbot แชตบอตให้ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุน ซึ่งเป็น AI ที่พัฒนาจากภายในองค์กรไทมยพาณิชย์
ทั้งนี้ บริการ My Alert และ AI Advisory Chatbot เป็นส่วนหนึ่งที่พัฒนาเพื่อตอบแผนงานเรื่องการสร้างความมั่งคั่ง Wealth Managment ในกลุ่มลูกค้าระดับกลางล่าง ให้พัฒนาสู่การเป็น Digital wealth ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ส่วนที่มิใช่ดอกเบี้ยของธนาคาร ปัจุจบัน ณ สิ้นไตรมาส 1/67 มีสัดส่วนที่ 27%
แม้ว่าจะมีการพัฒนา AI มากขึ้น แต่เชื่อว่า ‘คน’ หรือพนักงานยังเป็นส่วนสำคัญ โดยเฉพาะคนไทยยังสบายใจเมื่อมีพนักงานคอยให้ความช่วยเหลือ ดังนั้น ต่อไปการมีปฎิสัมพันธ์คือ Privilege (สิทธิพิเศษ) ที่ลูกค้าแต่ละ Segment ยังคงมีความต้องการ
ทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับแผนงานหลักของธนาคารที่ต้องการเป็นธนาคารหลักของลูกค้า และสร้างการเข้าถึงสินเชื่อให้มากขึ้น ภายใต้การควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายว่าปี 2568 จะให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนรวม 150,000 ล้านบาท (ณ สิ้นไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 86,000 ล้านบาท)
ขณะที่ความท้าทายในระยะต่อไป ปัจจัยภายนอกมีทั้งเศรษฐกิจโลกเหมือนจะชะลอตัว ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยังเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจยในประเทศ ทั้งครัวเรือน และธูรกิจไทยยังฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึง (K-Shaped) ไทยมีศักยภาพต่ำลงจาก Productivity ที่ลดลง และสังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันแม้จะผ่านพ้นการระบาด COVID-19 มาระยะหนึ่ง แต่ลูกค้าที่เข้ามายังเห็นความเสี่ยง โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน และมองว่าเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีนักจะเริ่มส่งผลกระทบต่อกลุ่มรายได้ปานกลางเพิ่มขึ้น (ครอบครัวที่มีรายได้ 60,000 บาท/เดือน) เห็นได้จากผลกระทบในหนี้รถและหนี้บ้านที่เพิ่มขึ้น
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : SCBX ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 67 ที่ 11,281 ล้านบาท โต 2.6% จากปีก่อน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand