SCB ประกาศแต่งตั้ง ยรรยง ไทยเจริญ นำทัพ SCB WEALTH มุ่งยกระดับการให้คำปรึกษาด้านบริหารความมั่งคั่ง และพัฒนาคลังสมองด้านการวางแผนการเงินสู่การเป็นผู้นำธุรกิจเวลธ์ของเมืองไทย ตั้งเป้าภายใน 3 ปี AUM แตะ 2 ล้านล้านบาท
ยรรยง ไทยเจริญ ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารไทยพาณิชย์ให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ Wealth ควบคู่กับตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale ซึ่งดูแลทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่งระดับสูงและกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ด้วยความมั่นใจในความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์ระดับปริญญาตรีและปริญญาเอกจาก MIT ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงประสบการณ์ทำงานการเงินและการลงทุนมากว่า 20 ปี โดยเฉพาะด้านแนวโน้มเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ ตลอดจนนโยบายและกระแสการเปลี่ยนแปลงต่างๆท ี่มีต่อการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สำหรับที่ผ่านมา ยรรยง ได้รับผิดชอบงานในฐานะผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก่อนจะมาร่วมงานกับธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อปี 2561 ในตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม Economic Intelligence Center (EIC) และทำหน้าที่เป็นกรรมการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ และคณะกรรมการการลงทุนของธนาคารในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเป็นที่ปรึกษาและผู้บรรยายให้ความรู้กับองค์กรภายนอก และสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง "ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งนับเป็นภารกิจที่สำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรของธนาคาร และเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สร้างการเติบโตรายได้ให้กับธนาคารอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ด้วยประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจทั้งในภาคเศรษฐกิจและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างดี ทำให้มั่นใจในความพร้อมขับเคลื่อนให้ให้ SCB WEALTH เป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง และพัฒนาศักยภาพของที่ปรึกษาทางการเงินอย่างมืออาชีพ" ขณะเดียวกัน ยรรยง ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง SCB WEALTH ให้เติบโตไปพร้อมกับความมั่งคั่งของลูกค้าเวลธ์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมุ่งเน้นการสร้าง Advisory Capability ให้มีความแข็งแกร่งในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง พร้อมมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจเวลธ์ของเมืองไทย และเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าอย่างยั่งยืน ด้วยเป้าหมายสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) แตะระดับ 2 ล้านล้านบาทภายในสิ้นปี 2567 จากปัจจุบันที่มีฐานลูกค้า SCB WEALTH จำนวนกว่า 400,000 รายที่มี AUM ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ด้านแนวทางในการดำเนินธุรกิจมีแนวยุทธศาสตร์ 4 กลยุทธ์สำคัญสู่เป้าหมายที่วางไว้ ได้แก่ การเพิ่มศักยภาพโดยการยกระดับคุณภาพของทีมที่ปรึกษาการลงทุนที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรระดับสากล โดยจะทำให้ SCB WEALTH มีจำนวน RM ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำของเอเชียมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยพัฒนารูปแบบการให้คำปรึกษาโดยเน้นกลยุทธการจัดสรรสินทรัพย์ที่ออกแบบเป็นพิเศษเฉพาะลูกค้าแต่ละราย เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีบนความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ นอกจากนั้น ยรรยงยังวางกลยุทธ์การพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนให้มีความหลากหลาย แบบ Open Architecture โดยลูกค้าสามารถเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ดี เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่รับได้ รวมถึงการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอให้อยู่ในระดับ Top Rank ของธุรกิจเวลธ์ในเมืองไทย ด้วยกลยุทธ์การจัดพอร์ต Asset Allocation อย่างเหมาะสม ตามคำแนะนำของทีมคลังสมอง (SCB Wealth Advisory Team) ขณะเดียวกันยังนำแพลตฟอร์มเทคโนโลยี และ ดาต้ามาใช้วิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนของลูกค้า ตลอดจนให้คำปรึกษาในลักษณะ Hybrid Advisory โดยมีที่ปรึกษาด้านการลงทุน (Relationship Manager) และ Investment Consultant ให้คำปรึกษาควบคู่กัน พร้อมกับตัวช่วยอัจฉริยะอย่าง wPlan แพลตฟอร์ตวางแผนการลงทุนที่สามารถจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมาย รวมถึงกลยุทธ์การขยายฐานการลงทุนดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าด้วยการเพิ่มช่องทางการลงทุนผ่าน SCB Easy ซึ่งวางเป้าหมายนักลงทุนดิจิทัลไว้ที่ 1.3 ล้านรายในปี 2567 อ่านเพิ่มเติม: เผย เทรนด์ TikTok มาแรง คว้าใจคนไทยปี 2022ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine