เปิดสาเหตุ ‘บัณฑิตจบใหม่’ เสี่ยงตกงานสูง ผ่านมุมมองสภาพัฒน์ - Forbes Thailand

เปิดสาเหตุ ‘บัณฑิตจบใหม่’ เสี่ยงตกงานสูง ผ่านมุมมองสภาพัฒน์

สถานการณ์การจ้างงานในไทย แม้ตัวเลขการว่างงานจะต่ำกว่า 1% แต่หากมองให้ลึกลงไปยังมีปัญหาแฝงอีกมากมาย ทั้งกลุ่มเสมือนว่างงานที่อยู่ระดับสูง ไปจนถึงเด็กจบใหม่ที่ว่างงานมากขึ้น และมีแนวโน้มจะเสี่ยงต่อการตกงานสูงกว่าเดิม


    ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ฯ เปิดเผยในรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 1/2568 พบว่า แม้การว่างงานของไทยในไตรมาส 1/68 จะอยู่ที่ 0.88% ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า (และลดลงจากช่วงไตรมาส 1 ปี 2567) แต่กลับพบมีสัดส่วนผู้ว่างงานในกลุ่มที่อุดมศึกษาสูงถึง 131,600 คน หรือ 1.84% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในทุกระดับการศึกษา

    นอกจากนี้แนวโน้มของกลุ่มเด็กจบใหม่อาจเสี่ยงต่อการตกงานสูง โดยผลการสำรวจผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคลในสหรัฐอเมริกา ของ Hult International Business School ร่วมกับ Workplace Intelligence พบว่า ผู้บริหารกว่า 89% มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ ซึ่งเกินกว่าครึ่งมองว่า

    - เด็กจบใหม่ยังขาดประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง (60%)

    - ไม่มีทักษะที่เหมาะสม (51%)

    - ขาดทักษะการทำงานเป็นทีม (55%)

    - มีมารยาททางธุรกิจที่ไม่ดีนัก (50%)

    ดังนั้นกลุ่มผู้บริหารเลือกที่จะจ้างฟรีแลนซ์ หรือพนักงานที่เกษียณไปแล้วแทน หรือปล่อยให้ตำแหน่งว่างต่อไป ประเด็นเหล่านี้ยังสอดคล้องกับมุมมองของผู้ประกอบการไทย จากข้อมูลการวิเคราะห์ประกาศรับสมัครงานออนไลน์ของ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ที่พบว่า มีตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเพียง 22.3% ที่ไม่ต้องการประสบการณ์ทำงานจากผู้สมัคร

    ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนว่าผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการมีทักษะและความเข้าใจในการทำงานจริง สอดคล้องกับอัตราการว่างงานในแรงงานกลุ่มอายุน้อย และแรงงานที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 


    ทางออกของประเด็นนี้ จึงมองว่า ไทยจะพัฒนาคุณสมบัติของแรงงานจบใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทั้งทักษะที่จำเป็นต่อสายงาน และทัศนคติต่อโลกการทำงาน ซึ่งต้องปรับตัวทั้งภาคการศึกษาผ่านการปรับการเรียนการสอนให้ตอบโจทย์ และส่งเสริมการฝึกงานเพื่อสร้างประสบการณ์ทำงานจริงให้แก่นักศึกษาจบใหม่ในระดับอุดมศึกษา ปวช.ปวส. รวมถึงการพัฒนาทักษะที่เหมาะสม รวมถึง Soft Skills

    ล่าสุด สภาพัฒน์ฯ ร่วมกับบริษัท ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ จำกัด (SAB) ได้ทำการสำรวจและพบว่าแรงงานไทยให้ความสำคัญกับ Soft Skills ที่มีประโยชน์ต่อการทำงานในปัจจุบัน แต่ตลาดโลกเน้น Soft Skills ที่ทักษะแห่งอนาคต โดยเฉพาะทักษะการคิดวิเคราะห์ ความยืดหยุ่นคล่องตัว ความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ภาครัฐ ภาคการศึกษา ยังขาดการพัฒนา Soft Skills ที่ตอบโจทย์แรงงาน

    ทั้งนี้ ในต่างประเทศมีกลไกสนับสนุนที่ชัดเจนเพื่อการพัฒนา Soft Skills เช่น 

    - สิงคโปร์ มีหน่วยงาน SkillsFuture Singapore ที่ส่งเสริม Soft Skills ในทุกช่วงวัย 

    - เกาหลีใต้ให้สิทธิแรงงานเข้าฝึกอบรมทักษะทั้ง Hard Skills และ Soft Skills โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดตามระบบบัตรกำนัลฝึกอบรม (National Training Card System) 

    - แคนาดา มีนโยบายสนับสนุนการอบรมระยะสั้น และสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ พร้อมทั้งการจัดตั้งศูนย์ทักษะแห่งอนาคต

    สุดท้ายนี้ ภายใต้ปัญหาด้านการว่างงานยังพบว่า จำนวนผู้ว่างงานในไตรมาส 1/2568 แม้จะลดลง แต่ผู้เสมือนว่างงาน (มีงานชั่วโมงการทำงานต่ำกว่า 24 ชม./สัปดาห์*) กลับเพิ่มขึ้น 14.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) จนมีจำนวนกว่า 4.3 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง

หมายเหตุ: ผู้ที่ทำงาน 0 - 20 ชั่วโมง/สัปดาห์ ในภาคเกษตรกรรม และผู้ที่ทำงาน 0 - 24 ชั่วโมง/สัปดาห์ นอกภาคเกษตรกรรม



ภาพ: สภาพัฒน์



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : คนแต่ละ Gen ออมเงินแบบไหนกันบ้าง?

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine