MINT เปิดงบไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิตามงบที่ 1,146 ล้านบาท ฟื้นตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนเกือบพันล้านบาท โดยกำไีรฯ นี้ส่วนหนึ่งมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนฯ 919 ล้านบาท ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานยังขาดทุน 352 ล้านบาท เพราะเป็นช่วง Low season ของโรงแรมในยุโรป
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่า มีผลกำไรสุทธิตามงบการเงินอยู่ที่ 1,146 ล้านบาท ถือว่าปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 66 ที่ขาดทุน 976 ล้านบาท รวมถึงธุรกิจร้านอาหาร และโรงแรมปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ กำไรฯ ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวอย่าง กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากสัญญาแลกเปลี่ยนสกุลเงินเหรียญสหรัฐที่ 919 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีรายได้รวม 38,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยธุรกิจโรงแรม และร้านอาหารของ MINT ต่างเห็นอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทสามารถใช้การกําหนดราคาเชิงกลยุทธ์ (Dynamic Pricing) ผลักดันปริมาณการรับประทานอาหารในร้านให้เพิ่มขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุน ไมเนอร์ โฮเทลส์ ประเทศไทย ไมเนอร์ โฮเทลส์ ออสเตรเลีย และไมเนอร์ ฟู้ดล้วนมีอัตราการเติบโตมากกว่า 10%YoY ขณะที่ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรป แอนด์ อเมริกา มีผลขาดทุนที่ลดลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ผลประกอบการจากการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2567 MINT มีผลขาดทุนสุทธิ 352 ล้านบาท ขาดทุนน้อยลง 46% จากปีก่อน เนื่องจากอยู่ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของธุรกิจโรงแรมในยุโรป
ในด้านธุรกิจโรงแรม หรือ ด้าน ไมเนอร์ โฮเทลส์ พบว่า มีรายได้รวมที่ 29,606 ล้านบาท เติบโต 17%YoY มาจากกิจกรรมการเดินทางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะโรงแรมในทวีปยุโรป ลาตินอเมริกา ไทย และออสเตรเลีย โดยรายได้จากการรับบริหารเพิ่มขึ้น 26%YoY จากการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน
ธุรกิจร้านอาหาร ไมเนอร์ ฟู้ดมียอดขายโดยรวมทุกสาขาในไตรมาส 1 ปี 2567 เติบโต 2.7%YoY เนื่องจากการเพิ่มสาขาใหม่ในประเทศไทย สิงคโปร์ และการเข้าซื้อสิทธิในแบรนด์ Sizzler ส่งผลให้สามารถรวมสาขาแฟรนไชส์ที่มีอยู่ในญี่ปุ่นได้ นอกจากในไทยยอดขายโดยรวมทุกสาขายังเติบโตที่ 7.4%YoY มาจากความถี่ของการใช้บริการของลูกค้าที่มากขึ้น รวมถึงยอดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่แนวโน้มธุรกิจในระยะต่อไป ในแต่ละส่วนงาน ได้แก่
ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของธุรกิจโรงแรมในยุโรปที่มีสัดส่วนรายได้ที่มากที่สุดของ MINT อีกทั้งยังมีการจัดงานประชุมและงานแสดงสินค้า อีกทั้ง ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรป แอนด์ อเมริกาจะได้รับอนิสงค์จากการแข่งขันกีฬาและความบันเทิง รวมถึงโอลิมปิกฤดูร้อน ฟุตบอลยูโร 2567
นอกจากนี้ งานคอนเสิร์ตดนตรี เนื่องจากพอร์ตโฟลิโอมีความแข็งแกร่งในทําเลสําคัญๆ ในเมืองที่มีการจัดกิจกรรม ควบคู่ไปกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นแ ละการริเริ่มการอัปเกรดแบรนด์โรงแรม คาดว่าราคาห้องพักเฉลี่ยจะสามารถเพิ่มขึ้น รายได้รวมในเดือน เม.ย. ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (10% ขึ้นไป)ในขณะที่ยอดการจองห้องพักล่วงหน้าในเดือน พ.ค. มีการเติบโต 12%YoY ในส่วนของไทยคาดว่าจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน
ไมเนอร์ ฟู้ดมีเป้าหมายเพิ่มยอดขายจากการซื้อซ้ำของลูกค้าประจํา และขยายฐานลูกค้าใหม่ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ ได้แก่ การนําเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้น การเปิดตัวกิจกรรมพิเศษในเวลาจํากัด และการขับเคลื่อนโปรแกรมสมาชิกโดยมุ่งเน้นที่ความเป็นเลิศในการดําเนินงาน ไมเนอร์ ฟู้ดยังคงขยายธุรกิจในเอเชียด้วยการเปิดตัว Sizzler ในเวียดนาม เดอะ พิซซ่า คอมปะนีในสิงคโปร์ และการต่อยอดของธุรกิจแดรี่ ควีนที่เพิ่งเข้าซื้อกิจการในอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม ณ 31 มี.ค. 67 MINT มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนที่ 0.98 เท่า ลดลงจาก 1.01 เท่า ณ สิ้นปี 2566 โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการทางการเงินที่ดีขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการโครงสร้างเงินทุนเชิงรุกของ MINT ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ จัดการต้นทุนทางการเงินอย่างเหมาะสม
หมายเหตุ (ณ สิ้นปี 2566) *ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
- สัดส่วนรายได้ของ MINT ได้แก่ 1) ไมเนอร์ โฮเทลส์ 79% 2) ไมเนอร์ ฟู้ด 20% 3) ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ 1%
- สัดส่วนกำไรสุทธิ ได้แก่ 1) ไมเนอร์ โฮเทลส์ 69% 2) ไมเนอร์ ฟู้ด 29% 3) ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ 2%
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : CPN โชว์ผลงาน Q1 ปี 67 กำไรสุทธิ 4,154 ล้าน พร้อมเปิดแผนลงทุน 5 ปี ด้วยงบ 1.21 แสนล้านบาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine