กสิกรไทย รับ 'ระวัง' ปล่อยสินเชื่อเน้นให้กู้ลูกค้ากลุ่มบน แต่ยังขยายสินเชื่อยั่งยืนฯ คาดสิ้นปีนี้แตะแสนล้าน - Forbes Thailand

กสิกรไทย รับ 'ระวัง' ปล่อยสินเชื่อเน้นให้กู้ลูกค้ากลุ่มบน แต่ยังขยายสินเชื่อยั่งยืนฯ คาดสิ้นปีนี้แตะแสนล้าน

กสิกรไทย ชี้ภาพรวมสินเชื่อไทยปี 67 ยังไม่โตมากนัก เพราะหนี้ครัวเรือนยังสูง เศรษฐกิจชะลอ ในส่วนของธนาคารฯ จะเน้นเติบโตสินเชื่ออย่างระมัดระวัง หลังปีก่อนเบรกสินเชื่อส่วนบุคคลไป ปีนี้มุ่งขยายสินเชื่อบ้านในลูกค้ากลุ่มบนแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้านธุรกิจยังขยายสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน คาดสิ้นปีนี้แตะ 100,000 ล้านบาท ส่วนกรณี STARK ยังมุ่งติดตามเคสโดยส่งฟ้องในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ส่วน ITD เชื่อว่าศักยภาพดี แต่ขาดสภาพคล่อง อยู่ระหว่างรอแผนธุรกิจเสนอแบงก์


    ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank กล่าวว่า ช่วง 4 เดือนแรกปี 2567 นี้ ในภาพรวมสินเชื่อยังไม่เติบโตนัก ส่วนหนึ่งเพราะภาวะหนี้ครัวเรือนของไทยที่อยู่ในระดับสูงกว่า 90% จากที่ควรจะอยู่ไม่เกิน 80% ขณะที่ GDP ของไทยน่าจะขยายตัวที่ราว 2.6% และการส่งออกยังไม่เติบโตมากนัก จึงมองว่าสินเชื่อจะเติบโตสอดคล้องตามภาวะเศรษฐกิจไทย

    ในส่วนกสิกรไทย นโยบายในปีนี้จะเติบโตสินเชื่ออย่างระมัดระวัง และเน้นฐานลูกค้าเดิม เช่น กลุ่มที่มีประวัติกับธนาคาร เคยมีสินเชื่อ มีธุรกรรมกับธนาคาร ซึ่งจะแสดงถึงพฤติกรรมของลูกค้าอยู่แล้ว โดยจะยังขยายสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อที่อยู่อาศัย (สินเชื่อบ้าน) โดยเน้นที่กลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลาง ตั้งแต่ 30,000 บาท / เดือนขึ้นไป หรือกลุ่มบ้านที่ราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปโดยจะให้สินเชื่อผ่านการร่วมมือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพอยู่แล้ว

    “ฐานลูกค้าเดิมของธนาคารฯ อยู่ในกลุ่มรายได้ปานกลางขึ้นบนอยู่แล้ว จนช่วงก่อนหน้า (ปี 2565) เราเคยลงไปเล่นกลุ่มที่รายได้ต่ำ 30,000 บาทแล้ว แต่ก็พักการขยายสินเชื่อในกลุ่มนี้ไป ส่วนหนึ่งเพราะเราอาจยังไม่เข้าใจพฤติกรรมลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มากพอ จึงพักกลุ่มที่ไม่ถนัด กลับมาสู่ฐานลูกค้าที่คุ้นเคย ขัตติยา กล่าว

    ทั้งนี้ ด้านสินเชื่อ SME ยังมุ่งให้สินเชื่อกลุ่มที่มีคุณภาพโดยพิจารณาเฉพาะราย ไม่มีการกำหนดว่าอุตสาหกรรมไหนระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่าบางอุตสาหกรรมแม้จะชะลอตัวแต่ยังมีผู้ประกอบการที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อการขยายสินเชื่อยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง จึงจะมุ่งเพิ่มรายได้ผ่าน Wealth Managment การชำระเงิน และค่าธรรมเนียมอื่นๆ

    นอกจากนี้ การให้สินเชื่อและเงินลงทุนเพื่อความยั่งยืนเป็นส่วนสำคัญที่ธนาคารมุ่งเน้น และสนับสนุนให้ธุรกิจตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งจากการเริ่มต้นในปี 2565 - 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มียอดสินเชื่อสะสม 73,397 ล้านบาท และคาดว่าปี 2567 นี้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 100,000 ล้านบาท รวมถึงภายในปี 2573 จะมีสินเชื่อในส่วนนี้ขั้นต่ำที่ 200,000 ล้านบาท

    “หลายคนคิดว่า การขยายธุรกิจจะสวนทางกับทำเพื่อดูแลโลก โดยข้อมูลในช่วงปี 2533 - 2565 พบว่า ไทยมีอัตราการเติบโตของ GDP เฉลี่ยที่ 2.53% ขณะที่การปล่อย Carbon emission เฉลี่ยที่ 2.74% ขณะเดียวกันกลับพบว่า ในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส สหรัฐ แม้ธุรกิจจะเติบโตต่อเนื่องแต่การการปล่อย Carbon emission ยังลดลงได้ ดังนั้นเราต้องทำควบคู่กันไปเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน” ขัตติยา กล่าว

    ทั้งนี้ ในกรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่มีการผิดนัดชำระหุ้นกู้นั้น ทางกสิกรไทยในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ได้ดำเนินการฟ้องร้องตามกฏหมาย ซึ่งจะติดตามและทำหน้าที่ผู้แทนฯ เพื่อดูแลผู้ถือหุ้นกู้อย่างเต็มที่ (STARK มีบัญชีหมุนเวียนอยู่แต่ ทาง ก.ล.ต. เป็นผู้ดูแล)

    ขณะที่ปัจจุบัน STARK ยังคงดำเนินธุรกิจอยู่ และอยู่ระหว่างการทำแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งธนาคารจะสามารถให้การช่วยเหลืออย่างไร ยังต้องพิจารณาจากแผนฟื้นฟูฯ ที่คาดว่าจะออกมาให้เห็นภายใน 2 - 3 เดือนนี้ (ปัจจุบันธนาคารกันสำรองทั้ง 100% ไว้แล้ว)

    นอกจากนี้ กรณี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ทางธนาคารฯ มองว่ายังเป็นบริษัทที่ดี มีศักยภาพ แต่ขาดสภาพคล่องในบางช่วง ดังนั้นเชื่อว่าช่วงที่ผ่านมาได้รับสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์แล้วจะช่วยให้มีสภาพคล้องเพื่อจ่ายค่าแรงงานแล้ว ส่วนความช่วยเหลือเพิ่มเติมนั้น ทางธนาคารยังต้องรอดุแผนธุรกิจของ ITD ที่จะออกมาเพิ่มเติม



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : จับตา “หุ้น STARK” หลังบอร์ดออกยกทีม เลื่อนส่งงบการเงินหลายรอบ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine