คณะกรรมาธิการยุโรปขอความร่วมมือประเทศสมาชิก เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบโครงการ วีซ่าและพาสปอร์ตทองคำ (golden visas and passports) เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษีและการฟอกเงิน
Vera Jourova กรรมาธิการด้านระบบยุติธรรมของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า ตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา สหภาพยุโรป (EU) มีการออกสถานะผู้อยู่อาศัยพิเศษที่เรียกว่า
"วีซ่าทองคำ" ให้แก่พลเมืองต่างชาติกว่า 1 เเสนคน และมอบสัญชาติกิตติมศักดิ์ ให้แก่ชาวต่างชาติที่มีฐานะร่ำรวย ที่เรียกว่า
"หนังสือเดินทางทองคำ" แก่พลเมืองมากกว่า 6 พันคนที่เข้ามาลงทุน โดยสร้างรายได้มากกว่า 2.5 หมื่นล้านยูโร (2.8 หมื่นล้านเหรียญ)
ในหลายประเทศสมาชิก EU นักลงทุนต่างชาติที่ร่ำรวยสามารถเป็นเจ้าของพาสปอร์ตของประเทศเหล่านั้นได้ทันที หากมีการนำเงินมาลงทุนมากพอ เเละบางประเทศอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ร่ำรวยสามารถซื้อหนังสือเดินทางได้
โดยไซปรัส มอลตา และบัลแกเรีย เป็น 3 ประเทศที่สามารถขอวีซ่าทองคำหรือหนังสือเดินทางทองคำได้ "ง่ายที่สุด" ด้วยวงเงินลงทุนขั้นต่ำระหว่าง 8 เเสนยูโรถึง 2 ล้านยูโร
ขณะที่ประเทศสมาชิก EU ส่วนใหญ่ มีการกำหนดเงื่อนไขการลงทุน เช่นการฝากเงินกับสถาบันการเงินในประเทศ ไปจนถึงการถือหุ้นในบริษัทหรือร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อแลกกับสิทธิพิเศษนี้
สเปน ไซปรัส โปรตุเกสและสหราชอาณาจักร เป็นประเทศที่ได้รับการลงทุนสูงสุดในโครงการตอบเเทนด้วยวีซ่าเเละพาสปอร์ตทองคำ โดยสเปนได้รับเงินลงทุนสูงถึง 976 ล้านยูโรต่อปี ส่วนสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 498 ล้านยูโรต่อปี
https://twitter.com/EU_Justice/status/1088028663122182144?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1088028663122182144&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.dailynews.co.th%2Fforeign%2F689493
EC ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมามีบุคคลบางกลุ่มอาศัยช่องทางนี้เพื่อการทำการผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการฟอกเงินเเละหลีกเลี่ยงภาษี จึงต้องขอความร่วมมือให้ประเทศสมาชิกร่วมกันตรวจสอบพฤติกรรมเเละเส้นทางการเงินของบุคคลในโครงการ เพื่อความโปร่งใสเเละภาพลักษณ์ที่ดีของสหภาพยุโรป โดยจะมีการจัดทำนโยบายเรื่องนี้อย่างจริงจังภายในสิ้นปีนี้ พร้อมการจัดตั้งทีมพิเศษเเละเพิ่มการเเลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันมากขึ้น
ที่มา
ภาพ AFP