การลงทุนใน "สัญชาติ" และ "ชายหาด" งามๆ ไม่ใช่เรื่องสงวนเฉพาะมหาเศรษฐีอีกต่อไป - Forbes Thailand

การลงทุนใน "สัญชาติ" และ "ชายหาด" งามๆ ไม่ใช่เรื่องสงวนเฉพาะมหาเศรษฐีอีกต่อไป

หากมีเงินช็อปฯ สัก 3-4 ล้านบาท คุณจะเลือกซื้อรถยนต์หรู หรือซื้อสัญชาติเป็นพลเมืองชาวแคริบเบียน?

Bastien Trelcat หุ้นส่วนผู้จัดการ Harvey Law Group (HLG) ซึ่งเป็นตัวแทนการตลาดโครงการ “Citizenship by Investment” ของประเทศในหมู่เกาะแคริบเบียน อยากให้คุณเลือก “ลงทุน” ในสัญชาติมากกว่าถอยรถยนต์หรูใหม่ๆ ออกมาอีก 1 คัน โดยให้เหตุผลว่าการได้สัญชาติแคริบเบียนจะทำให้คุณสามารถเดินทางไปประเทศต่างๆ ในยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ รวม 120-130 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องใช้วีซ่า “คนเอเชียให้ความสนใจกับโปรแกรมนี้มากขึ้น เพราะในขณะที่พวกเขามีเงินทองมากขึ้นและได้ออกไปท่องโลกมากขึ้น แต่ยังต้องพบข้อจำกัด...อย่างพาสปอร์ตไทยนั้นค่อนข้างจำกัดทีเดียว เพราะสามารถเดินทางไปได้เพียง 50-55 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องใช้วีซ่า และส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย” จุดดึงดูดที่สำคัญในโครงการนี้ที่ Trelcat เน้นย้ำคือผู้ลงทุนไม่ต้องสูญเงินเปล่าไปกับการบริจาคให้กับรัฐบาลเท่านั้นอีกต่อไป แต่มีทางเลือกการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลและยังคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนได้อีก 5-6% ต่อปี โดยกำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำ 100,000-150,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่ทีเด็ดคือโปรแกรมการผ่อนชำระที่ HLG ได้พัฒนาเพื่อให้ผู้ลงทุนที่ซื้อโครงการ Pool Villa หรู 70 หลังริมชายหาด เกาะ Saint Kitts ที่กำลังพัฒนาโดย Six Senses สามารถเป็นเจ้าของหุ้นโครงการนี้ได้ด้วยเงินดาวน์เพียง 50,000 เหรียญ แล้วชำระเงินส่วนที่เหลือ 170,000 เหรียญภายในระยะเวลา 2 ปี โดยนอกจากจะได้รับพาสปอร์ตและสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิสแล้ว ผู้ลงทุนยังจะได้สิทธิในการเข้าพักฟรี 7 คืน/ปี ภายในช่วงระยะเวลา 7 ปีที่เขาถือครองหุ้นอยู่อีกด้วย Trelcat ตั้งเป้าขายนักลงทุนชาวไทยไว้ขั้นต่ำที่ 50 หุ้น (จาก จำนวนหุ้นที่นำเสนอขายทั้งหมด 500 หุ้น) “เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะของมหาเศรษฐีเท่านั้นอีกต่อไป” ที่ปรึกษากฏหมายมือฉมังจาก HLG กล่าวว่าเขาได้ขยายกลุ่มเป้าหมายผู้ลงทุนในสัญชาติจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ครอบครัวที่มีสินทรัพย์ขั้นต่ำ 100-150 ล้านบาท ไปสู่กลุ่มคนทั่วไปมากขึ้น