ก้าวขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีนได้เพียงแค่พริบตาเดียว ล่าสุด Colin Huang ผู้ก่อตั้ง PDD Holdings ซึ่งถือเป็นบริษัทแม่ของ TEMU ก็ร่วงลงมาอยู่ในอันดับ 4 โดยมูลค่าทรัพย์สินของเขาหายวับไปกับตาราวๆ 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังหุ้น PDD ร่วงเกือบ 30%
Colin Huang ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทอีคอมเมิร์ซ PDD Holdings ซึ่งถือเป็นบริษัทแม่ของ TEMU อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน ที่ผงาดขึ้นเป็นบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดของประเทศเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2024 แต่ทว่าล่าสุดมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิของมหาเศรษฐีผู้นี้ได้ลดฮวบลงอย่างหนักราว 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากหุ้นของบริษัทร่วงลงเกือบ 30% และไม่เป็นไปตามเป้าไตรมาส 2 ที่ได้คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ Huang ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน PDD โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ลดลงเหลืออยู่ราวๆ 3.5 หมื่นล้านเหรียญ ถือเป็นตัวเลขที่ลดลงมากกว่า 28% และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังทำให้รายชื่อของเขาที่ติดอยู่ในอันดับมหาเศรษฐีเรียลไทม์ของ Forbes หล่นลงมาอยู่ในอันดับที่ 50 ของโลก และกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 4 ของประเทศจีน ตามหลัง Zhong Shanshan (4.99 หมื่นล้านเหรียญ) Zhang Yiming (4.34 หมื่นล้านเหรียญ) และ Ma Huateng (4.07 หมื่นล้านเหรียญ) ตามลำดับ

PDD Holdings ได้รายงานถึงผลกำไรต่อหุ้นที่ปรับลดลง 23.24 หยวน (3.20 เหรียญ) ในไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน โดยมียอดขายอยู่ที่ 9.706 หมื่นล้านหยวน (1.36 หมื่นล้านเหรียญ) ลดลงจากการคาดการณ์ของเหล่านักวิเคราะห์ที่ 100.17 หยวนหรือ 1.41 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งทาง Jun Liu รองประธานฝ่ายการเงินของ PDD ได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า "อัตราการเติบโตของรายได้บริษัทได้ชะลอตัวลงทุกไตรมาสและยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องจากการแข่งขันที่เข้มข้นและท้าทายจากปัจจัยภายนอก"
ขณะที่ Chen Lei ผู้ร่วมก่อตั้งของ PDD Holdings กล่าวเพิ่มเติมว่า "แนวโน้มการเติบโตรายได้ของบริษัทอาจจะอยู่ในภาวะทรงตัวไปอีกนานจากการแข่งขันกันอย่างดุเดือดของเหล่าบรรดาอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ อย่าง Alibaba และ ByteDance (TikTok)"
อย่างไรก็ตาม PDD ไม่ใช่ตลาดออนไลน์ยักษ์ใหญ่เจ้าเดียวในจีนที่มีผลประกอบการแบบไม่เป็นตามแผนที่คาดหวังไว้ และจากปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลกและภายในประเทศเองที่อยู่ในภาวะตกต่ำ ส่งผลให้มีอัตราการว่างงานสูงและรายได้ครัวเรือนลดลง ทาง Alibaba เองก็ยังรายงานตัวเลขรายได้สุทธิที่ลดลง 28.77% ในเดือนมิถุนายน ส่วน JD.Com มีรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้เช่นเดียวกัน อีกทั้ง สำนักข่าว CNBC ยังมีรายงานเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ด้วยว่า กลุ่มผู้บริโภครุ่นเยาว์เริ่มหันมาออมเงินมากขึ้นกว่าคนรุ่นก่อนๆ และยังแนวคิดตั้งเป้าหมายการใช้จ่ายให้ต่ำมากๆ จนกลายเป็นกระแสโซเชียลมีเดียที่เรียกว่า "การออมแบบแก้แค้น" ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศนั่นเอง
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : A5 โชว์ศักยภาพธุรกิจ ชำระคืนหุ้นกู้ชุด 1/2565 ตามนัด จ่ายเงินต้น-ดอกเบี้ยครบรวม 491.67 ล้านบาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine