อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยวิกฤต! ส.อ.ท. เผยโรงงาน 500 แห่งยังไม่ผ่านมาตรฐาน เสี่ยงถูกปิดตัว - Forbes Thailand

อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยวิกฤต! ส.อ.ท. เผยโรงงาน 500 แห่งยังไม่ผ่านมาตรฐาน เสี่ยงถูกปิดตัว

FORBES THAILAND / ADMIN
24 Jul 2024 | 06:50 PM
READ 1157

กลุ่มสมุนไพร ส.อ.ท. เปิดข้อมูลโรงงานสมุนไพรในประเทศ 500 แห่ง เสี่ยงถูกปิด เหตุไม่ผ่านมาตรฐาน GMP PIC/S ตามรอยโรงงานในประเทศไทยปิดตัวลงเกือบ 2,000 แห่ง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไทย แนะแนวทางแก้ไข 4 ด้าน


    ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรในสภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์โรงงานในประเทศไทยปิดตัวลงเกือบ 2,000 แห่ง ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ถึงเดือนมิถุนายน 2567 ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตเกือบ 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทำให้แรงงานกว่า 51,500 คน สูญเสียงาน และวิกฤตดังกล่าวมีโอกาสลุกลามไปยังภาคการผลิตในอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย

    จากการสำรวจพบว่า อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยปัจจุบันยังประคับประครองตัวเองได้อย่างดี เนื่องจากผู้ประกอบการได้ปรับตัวแบบ 360 องศา ทั้งการลงไปจับตลาดใหม่ๆ ที่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว ผลพัฒนาแพ็กเก็จจิ้งให้มีความโดดเด่นเหมาะแก่การสะสมและเป็นของฝาก

    อย่างไรก็ดีพบว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมภาคสมุนไพรที่มีความเสี่ยงถูกปิดอยู่เช่นกัน โดยพบข้อมูลน่าตกใจว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผลิตสมุนไพรมากกว่า 1,000 แห่ง แต่มีโรงงานผลิตสมุนไพร 500 แห่งยังไม่สามารถผ่านมาตรฐาน GMP PIC/S หากโรงงานสมุนไพรเหล่านี้ถูกปิดตัวลง ประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสในการผลักดัน สร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรมูลค่าสูง สนับสนุนศักยภาพเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ วิกฤตการปิดตัวของโรงงานในประเทศไทย กำลังส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและแรงงานอย่างหนัก



    อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยยังมีโอกาสรอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้หากหน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือเร่งด่วน มิฉะนั้นประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสการสร้างฐานเศรษฐกิจมหภาคไปได้ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรในสภาอุตสาหกรรม ได้เสนอแนวทางแก้ไขเพื่อปิดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นนี้ใน 3 มิติ ได้แก่

    1. หน่วยงานภาครัฐดำเนินการอบรม จัดหลักสูตร รวมถึงจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อช่วยให้โรงงานขนาดเล็กมีโอกาสปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน GMP PIC/S

    2. หน่วยงานภาครัฐ เป็นตัวกลางในการจับมือระหว่างโรงงานขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐาน GMP PIC/S ในการให้โรงงานขนาดเล็กเข้าใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นการช่วยเหลือไม่ให้รายย่อยต้องลงทุน ห้องแล็บ ที่ต้องใช้เงินทุนค่อนข้างสูง

    3. สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โรงงานสมุนไพรเหล่านี้มีแหล่งความรู้ที่สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าสนใจ

    4. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพิ่ม Positive list เพื่อให้ผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนสมุนไพรง่ายขึ้น

    ทั้งนี้ มูลค่าตลาดสมุนไพรในปัจจุบันอยู่ที่ 52,104.3 ล้านบาท มีแนวโน้มการเติบโต 8% ต่อปี (ข้อมูลล่าสุดจากสภาอุตสาหกรรม) ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเติบโตมาจากการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพซึ่งมีกำลังซื้อสูง, คนเริ่มกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาเคมี จึงหันมาใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรมากขึ้น, สังคมสูงวัยและประชากรโลกมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ มากขึ้น ผู้คนจึงมองหาผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาช่วยดูแลสุขภาพและป้องกันโรค และกระแสการกลับสู่ธรรมชาติผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมรวมทั้งธรรมชาติมากขึ้น จึงนิยมใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสมุนไพร หากทุกฝ่ายร่วมมือกันผลักดันให้การผลิตเป็นมาตรการเดียวกัน จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยสามารถส่งออกได้มากกว่าปัจจุบันหลายเท่า


ภาพปก: Pexels


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ททท. คาดวันหยุดยาว 2 รอบในเดือนก.ค. 67 หนุนรายได้ไทยเที่ยวไทยสะพัด 1.8 หมื่นล้าน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine