ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ประกาศกำไรสุทธิงวด 9 เดือน ปี 67 ฟื้น 1,890.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9%YoY - Forbes Thailand

ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ประกาศกำไรสุทธิงวด 9 เดือน ปี 67 ฟื้น 1,890.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9%YoY

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยงบการเงินงวด 9 เดือน ปี 67 มีกำไรสุทธิ 1,890.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9%YoY ผลจากรายได้การดำเนินงานเพิ่มขึ้น ตั้งสำรองฯ ลดลง


    ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย หรือ CIMBT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวด 9 เดือนแรก ปี 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 1,890.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 (YoY) สาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4.5% และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 5.7% สุทธิกับการเพิ่มขึ้นในค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 6.5%

    ทั้งนี้ รายได้จากการดำเนินงาน สำหรับงวด 9 เดือนแรก ปี 2567 มีจำนวน 10,785.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5%YoY เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 6.8% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากให้บริการชำระค่าสินค้าและบริการชำระเงิน และค่าธรรมเนียมการโอนเงินและเรียกเก็บเงิน ส่วนรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 24.9% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนสุทธิกับการลดลงของกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพและกำไรสุทธิจากเงินลงทุน สุทธิกับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง 1.5% เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเติบโตสูงกว่าการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย

    ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2567 เพิ่มขึ้น 6.5%YoY สาเหตุหลักมาจากค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขายที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 61.7%

    อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (NIM) สำหรับงวด 9 เดือนปี 2567 อยู่ที่ 2.3% ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2566 อยู่ที่ 2.6% เป็นผลจากต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น

    ณ 30 ก.ย. 2567 สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 6,400 ล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 2.5% ลดลงเมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้าอยู่ที่ 3.3% สาเหตุเกิดจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในระหว่างงวด 2567 การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์และกระบวนการในการเก็บหนี้ อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ 138.8% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 124.2% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 8,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1,500 ล้านบาท

    ทั้งนี้ ณ 30 ก.ย. 2567 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 251,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นปี 2566 ขณะที่กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) อยู่ที่ 283,700 ล้านบาท ลดลง 8.6% จากสิ้นปี 2566 อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 88.7% จาก 78.9% ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566

    เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ 30 ก.ย. 2567 มีจำนวน 57,200 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 19.5% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.8%



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เปิดงบ! ธ. ทหารไทยธนชาต 9 เดือนแรกปี 67 กำไรสุทธิแตะ 15,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1%YoY ย้ำคุมหนี้เสียได้ตามเป้า

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine