CHAYO ชี้ปี 67 แบงก์จ่อขายหนี้เสียขั้นต่ำ 3.5 แสนล้าน จ่อใช้ AI วิเคราะห์สินเชื่อผ่าน MOU พันธมิตร YGG-ZIGA - Forbes Thailand

CHAYO ชี้ปี 67 แบงก์จ่อขายหนี้เสียขั้นต่ำ 3.5 แสนล้าน จ่อใช้ AI วิเคราะห์สินเชื่อผ่าน MOU พันธมิตร YGG-ZIGA

ปี 2567 นี้สถานการณ์หนี้เสียยังต้องต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด “ชโย กรุ๊ป” เผยแบงก์จ่อขายหนี้เสียขั้นต่ำ 3.5 แสนล้านบาทในปีนี้ มองสินเชื่อเช่าซื้อยังเสี่ยงสูงสุด แต่ยังเตรียมวงเงินซื้อหนี้ 1,000 ล้านบาท ล่าสุดเตรียมใช้ AI วิเคราะห์ความเสี่ยง ผ่านการทำ MOU ร่วมกับพันธมิตร YGG-ZIGA


    นายกิตติ ตั้งศรีวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) เปิดเผยว่า สถานการณ์หนี้เสียของไทยในปี 2567 แม้ปัจจัยด้านการท่องเที่ยวจะเป็นแรงส่งได้บางส่วน แต่ภาวะตลาดโดยรวมมองว่ายังเหนื่อยอยู่ ขณะเดียวกันคนยังต้องการสินเชื่อเยอะขึ้น จึงคาดว่าหนี้เสียรายย่อยอาจจะยังสูงขึ้นในปีนี้

    ทั้งนี้ ในปี 2566 มีหนี้เสียเสนอขายเข้ามาที่ CHAYO มูลค่ารวมกว่า 400,000 ล้านบาท โดยทางบริษัทฯ เข้าซื้อหนี้เสียมูลค่ารวมเกือบ 20,000 ล้านบาท โดยใช้เม็ดเงินราว 1,500 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่มีหลักประกัน ขณะที่ภาพรวมในปี 2567 นี้มองว่า หนี้เสียที่จะมีการเสนอขายมาขั้นต่ำที่ 350,000 ล้านบาท คาดว่าจะออกมาจำนวนมากในช่วงไตรมาส 3-4 ซึ่งทาง CHAYO ได้ตั้งวงเงินสำหรับซื้อหนี้มาบริหารที่ 1,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นกลุ่มหนี้ที่มีหลักประกันที่ 700 ล้านบาท และหนี้ไม่มีหลักประกันอีก 300 ล้านบาท)

    การซื้อหนี้เสียมาบริหารนั้น ปกติแล้วเมื่อซื้อหนี้เสียมาจะประเมินอัตราการจัดเก็บได้ราว 30% และมักจะสามารถจัดเก็บหนี้ได้ภายในช่วง 2-3 ปี แต่จากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ไม่ดีนักส่งผลให้หนี้ไม่มีหลักประกันมักจะจัดเก็บหนี้ได้ภายใน 3-4 ปี แต่สำหรับหนี้มีหลักประกัน อัตราการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพจะอยู่ที่ราว 3-4 ปี 

    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันหนี้เสียกลุ่มที่ค่อนข้างเสี่ยง คือ เช่าซื้อรถยนต์ เพราะมีหนี้เสียออกมาค่อนข้างเยอะ อีกทั้งปัจจุบันมีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นทำให้ปริมาณรถออกมาสู่ตลาดค่อนข้างมาก ส่งผลให้ราคาขายรถค่อนข้างตกลง ในระยะหลังจึงไม่เลือกซื้อหนี้เสียที่เป็นสินเชื่อเช่าซื้อ เว้นแต่ซื้อมาในราคาต่ำเท่านัั้น

    ขณะที่ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) ของ CHAYO ณ สิ้นปี 2566 มีพอร์ตบริหารหนี้รวมทะลุ 100,000 ล้านบาท จากฐานลูกค้า Active ที่ราว 5-6 แสนราย ขณะเดียวกันยังได้ขยายธุรกิจสินเชื่อเพิ่มเติมอีก 3 ประเภท ได้แก่ นาโนไฟแนนซ์ พิโกไฟแนนซ์ และสินเชื่อส่วนบุคคล ผ่านบริษัทย่อยคือ บมจ.ชโย แคปปิตอล (CCAP) ที่เตรียมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

    ทั้งนี้ CHAYO จะพัฒนาระบบวิเคราะห์สินเชื่อด้วย AI โดยมีจุดเริ่มต้นในการจะเริ่มพัฒนาระบบ และความร่วมมือด้านอื่นๆ ผ่านการทำข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU มีระยะเวลาผูกพันคู่สัญญา 3 ปีระหว่าง
    - CHAYO
    - บมจ. ซิก้า อินโนเวชั่น หรือ ZIGA
    - บมจ. อิ๊กดราซิล กรุ๊ป หรือ YGG

    นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG) กล่าวว่า ทาง YGG จะนำองค์ความรู้มาต่อยอดในการพัฒนา Platform และ AI เนื่องจากเชี่ยวชาญ ทางด้านดิจิทัลคอนเทนต์ ด้านเกม ภาพยนตร์แอนนิเมชั่น คอมพิวเตอร์กราฟิก รวมทั้งมีฐาน ข้อมูลลูกค้าจากเกม ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของ YGG

    นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) กล่าวว่า จากปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าที่เป็น B2C ประมาณ 50,000 ราย ซึ่งการมีพันธมิตรในครั้งนี้จะทำให้ฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเป็นหลักแสน เนื่องจากลูกค้าสามารถตัดสินใจใช้บริการของ ZIGA ได้ง่ายขึ้น โดยการเชื่อมโยงบริการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน CHAYO คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ และในส่วนของกลุ่ม YGG ก็จะเข้ามาซัพพอร์ตในเรื่องของ AI เพื่อต่อยอด Bitcoin ที่บริษัทมีอยู่ ดังนั้น ZIGA และ CHAYO จะสามารถขยายฐานลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ส่วน YGG จะได้รับค่าธรรมเนียมจากการพัฒนาแพลตฟอร์มต่างๆ 



Photo by Andreas Brucker on Unsplash



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : อัพเดต Digital wallet! ครม.มีมติเห็นชอบหลักการ ชูเงื่อนไขเดิม ใช้จ่ายเฉพาะในพื้นที่-ร้านค้าเบิกเงินสดไม่ได้ทันที

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine