ธนาคารกรุงเทพเปิดกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 2567 ที่ 22,330 ล้านบาท โต 4.2% ยังคงนโยบายให้สินเชื่ออย่างระมัดระวัง มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังฟื้นตัวต่อผลจากท่องเที่ยว-ส่งออก
ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง มาจากอุปสงค์ภายในประเทศ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐ และการส่งออกของไทยที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งมองว่าช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือนี้ จะยังมีปัจจัยหนุนดังเดิม แต่มีปัจจัยสำคัญที่ยังคงต้องติดตาม ได้แก่ ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงเนื่องจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้แนวนโยบายทางการค้า และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลกเปลี่ยนแปลงจากเดิม
ทั้งนี้ ธนาคารยังคงมุ่งเน้นแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible lending) โดยในด้านสินเชื่อยังคงและสนับสนุนภาคธุรกิจให้ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้ ดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
รายละเอียดที่น่าสนใจในงบการเงินครึ่งปีแรก 2567 ของธนาคารกรุงเทพ ได้แก่
- กำไรสุทธิอยู่ที่ 22,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากงวดเดียวกันปีก่อน
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 66,556 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1% ตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อและการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ สุทธิกับต้นทุนเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้น
- ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.05%
- รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 18,650 ล้านบาท ลดลง 11.9% จากงวดเดียวกันปีก่อน
- ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดแรกปีก่อนจากการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 45.6% ในครึ่งแรกปี 2567
- สินเชื่อรวมที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 67 อยู่ที่ 99,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากสิ้นเดือน มี.ค. 67
- อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.2% ส่วนอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 282.5%
- ธนาคารตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 19,007 ล้านบาท โดยพิจารณาภายใต้หลักความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง
ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2.71 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากสิ้นปีก่อน ส่วนใหญ่จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ
ในส่วนธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2567 จำนวน 3.18 ล้านล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 85.4%
ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นอยู่ที่ 19.5% อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.1% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 15.3%
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กลุ่มทิสโก้ เผยครึ่งปีแรก 67 กำไรสุทธิ 3,482 ล้าน ลดลง 4.5% ผลตั้งสำรองฯ เพิ่ม
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine
