ท่ามกลางตลาดลงทุนที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง จากปัจจัยรอบโลกที่คาดเดาได้ยาก และความผันผวนที่เกิดขึ้นทั่วโลก นักลงทุนบางส่วนอาจจะอยากพักจากการลงทุนสักระยะเวลาหนึ่ง (อาทิ 1-3 ปี) หลายคนอาจเลือกพักเงินที่บัญชีออมทรัพย์ซึ่งมีสภาพคล่องสูง แต่ยังมีอีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการได้ดอกเบี้ย และลุ้นรางวัล ได้โดยไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากและเงินรางวัล คือ สลากกออมทรัพย์
ว่าแต่ปี 2568 นี้มีสลากออมทรัพย์ไหนที่ยังเปิดขาย และหากมีเงินราว 1 ล้านบาท จะซื้อสลากฯ ตัวไหนดี Forbes Thailand รวบรวมและเปรียบเทียบมาให้แล้วในบทความนี้
มีเงิน 1 ล้านบาท ซื้อสลากฯ ไหนได้ผลตอบแทนแบบขั้นต่ำสูงที่สุด
Forbes Thailand รวมรวมสลากออมทรัพย์ที่ยังเปิดขายอยู่ในต้นเดือน ก.พ. 2568 จาก 3 ธนาคารหลัก ได้แก่ ธนาคารออมสิน*, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
เบื้องต้นสำหรับวงเงิน 1 ล้านบาท หากถือไว้จนครบกำหนด สลากออมทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูงที่สุด (รวมอัตราดอกเบี้ย และรางวัลขั้นต่ำ) คือ
อันดับ 1 สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดนาคราช อายุ 3 ปี ราคา 1,000 บาทต่อหน่วย ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนรวม 1.84% ต่อปี โดยจะมาจากอัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ ที่ราว 1% ต่อปี (ครบกำหนดรับ 30 บาทต่อหน่วย) และที่เหลือมาจากเงินรางวัลรวม 5,760 บาท (เดือนละ 160 บาท มาจากเลขท้าย 2 ตัว, เลขท้าย 2 ตัว ของรางวัลที่ 1 และเลขท้าย 4 ตัว) ทั้งนี้ ยังสามารถลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 2 ล้านบาท ได้ถึง 36 งวด
อันดับ 2 สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดวิมานเมฆ Plus ปี 2567 อายุ 2 ปี ราคา 1 ล้านบาทต่อหน่วย มีอัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ ที่ 1.70% ต่อปี ทั้งนี้ หากซื้อสลากฯ ในวงเงิน 10 ล้านบาท จะมีอัตราผลตอบแทนรวมที่ 1.82% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากการถูกรางวัลอีกเดือนละ 1,000 บาท นอกจากนี้ สามารถลุ้นรางวัลที่ 1 มีมูลค่า 3 ล้านบาท ได้ 24 งวด
(หากซื้อในวงเงิน 10 ล้านบาท จะถูกรางวัลขั้นต่ำ 1,000 บาท/เดือน คิดอัตราผลตอบแทนรวมที่ 1.82% ต่อปี)
อันดับ 3 สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 2 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย มีอัตราผลตอบแทนรวม 1.46% ต่อปี มาจากอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี และรางวัลเลขท้าย 4 ตัวรวม 19,200 บาท (เดือนละ 800 บาท) ส่วนรางวัลที่ 1 มีมูลค่า 30 ล้านบาท
อันดับ 4 สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 1 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย อัตราผลตอบแทนรวม 1.45% ต่อปี มาจากอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี และ และรางวัลเลขท้าย 3 ตัวและเลขท้าย 4 ตัว รวม 12,000 บาท (เดือนละ 1,000 บาท) สามารถลุ้นรางวัลที่ 1 มีมูลค่า 10 ล้านบาท
อันดับ 5 สลามออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดหยกจักรพรรดิ์ อายุ 2 ปี ราคา 10,000 บาทต่อหน่วย อัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ อยู่ที่ 1.40% ต่อปี ส่วนรางวัลที่ 1 อยู่ที่ 10 ล้านบาท
(หากซื้อในวงเงิน 10 ล้านบาท จะได้รับรางวัลขั้นต่ำ 1,000 บาท/เดือน คิดอัตราผลตอบแทนรวม 1.52% ต่อปี)
แน่นอนว่า แม้ทั้งสลากออมทรัพย์ของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. จะมีอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่น้อยกว่าของสลากออมทรัพย์ทั้ง 2 แบบของธอส. แต่ก็มีจุดเด่นที่อาจชดเชยได้ด้วยเงินรางวัลก้อนใหญ่ อย่างรางวัลที่ 1 อยู่ที่ 10-30 ล้านบาทสูงกว่าของสลากออมทรัพย์ของ ธอส. ที่อยู่ราว 1-3 ล้านบาท
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/vgAytSSCsoRo3Y6AFSHM.jpg)
มีเงิน 100,000 บาท สลากฯ ไหนคุ้มที่สุด
สำหรับงบซื้อสลากออมทรัพย์ 100,000 บาท ForbesThailand พบว่า สลากออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนขั้นต่ำสูงสุด ได้แก่
- สลากออมทรัพย์ชุดนาคราช ของ ธอส. อายุ 3 ปี ราคา 1,000 บาทต่อหน่วย หากจะได้รับรางวัล 60 บาทต่อเดือน (ปีละ 720 บาท) มาจากเลขท้าย 2 ตัว และเลขท้าย 2 ตัว ของรางวัลที่ 1 ส่งผลให้มีอัตราผลตอบแทนรวมขั้นต่ำที่ 1.72% ต่อปี
- สลามออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดหยกจักรพรรดิ์ อายุ 2 ปี ราคา 10,000 บาทต่อหน่วย อัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ อยู่ที่ 1.40% ต่อปี
- สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 1 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย จะได้รับรางวัล 80 บาทต่อเดือน (ปีละ 960 บาท) จากเลขท้าย 3 ตัว ทำให้มีอัตราผลตอบแทนรวมแบบการันตีที่ 1.21% ต่อปี
- สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 2 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย มีอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี
สุดท้ายนี้ การซื้อสลากออมทรัพย์มีผลตอบแทนขั้นต่ำที่ได้รับอย่างชัดจน ที่สำคัญคือไม่เสียภาษีดอกเบี้ยและรางวัล นอกจากนี้หากแต้มบุญใครสูงกว่าก็อาจจะซื้อสลากออมทรัพย์ได้คุ้มค่าที่สุดเช่นกัน
หมายเหตุ
*สลากออมสินพิเศษทั้ง 1 และ 2 ปี มีสลากฯ รูปแบบดิจิทัลที่จะเงื่อนไขพื้นฐานเหมือนกัน จะมีบางเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เช่น อายุผู้ที่ซื้อได้, วันออกรางวัล และขั้นต่ำในการซื้อ ฯลฯ
ภาพ: ธัญวดี นิรุตติศาสตร์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : KKP แจงเหตุเศรษฐกิจไทยปี 2025 เสี่ยงโตต่ำศักยภาพที่ 3% แม้มีแจกเงิน-ส่งออก-ท่องเที่ยวฟื้นตัว
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine