การเดินทางของเด็กสยาม ‘ชุติมา-นันทนัช’ สู่บริษัท “รวยไม่หยุด” กับแผนก้าวสู่ธุรกิจผู้นำธุรกิจอาหารเมืองไทย


สร้างธุรกิจร้านอาหารแบบเทรนดี้
“การทำร้านอาหาร ต้องทำให้ลูกค้ากลับมากินซ้ำ” นันทนัช กล่าวถึงแนวทางการทำธุรกิจของ รวยไม่หยุด กรุ๊ป และสิ่งสำคัญที่จะทำลูกค้ากลับมากินซ้ำ อย่างแรกรสชาติต้องถูกปาก คุณภาพอาหารต้องดี อย่างที่สองบริการต้องดีที่สุด และสิ่งสำคัญอย่างที่สาม ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า และในปัจจุบันสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำธุรกิจร้านอาหาร คือต้องตามทันกระแส (เทรนดี้) อยู่ตลอดเวลา “คนเจนใหม่ เบื่อง่าย ดังนั้นธุรกิจร้านอาหารมีวงจรที่สั้นลง ดังนั้นต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลาให้ทันกระแส เพิ่มเมนูใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า สร้างกระแสอยู่เรื่อยๆ ผ่านโซเชี่ยล มีเดีย ซึ่งโชคดีว่าแบรนด์ของเราเป็นที่นิยมในหมู่เซเลบริตี้ และอินฟลูเอนเซอร์ เราจึงได้พื้นที่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อฟรีอยู่ตลอดเวลา” ชุติมากล่าว ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้การถ่ายรูปอาหาร เครื่องดืม ขนมต่างๆ ลงโซเชียลมีเดีย กลายเป็นพฤติกรรมปกติของคนรุ่นใหม่ และส่งผลดีต่อธุรกิจของรวยไม่หยุด กรุ๊ป ที่ผู้บริหารทั้งสองคนเข้าใจ และหยิบเทรนด์ตรงนี้มาสร้างธุรกิจอย่างพิถีพัน ทั้งการสร้างสรรค์เมนู รสชาติอาหาร การดีไซน์ ออกแบบ ตกแต่งร้าน ที่สามารถยึดพื้นที่บนโซเชียลได้ตลอด และเป็นกระแสที่ดึงคนไปใช้บริการที่ร้านอย่างไม่ขาดสาย
ก้าวสู่การเติบโตอย่างแข็งแรง
ชุติมา กล่าวว่า ในช่วง 2–3 ปีที่เกิดสถานการณ์โควิด ทำให้ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบ ซึ่งรวยไม่หยุดกรุ๊ป พยายามปรับตัว เพิ่มบริการเดลิเวอรี่ และการร่วมมือกับแบรนดอื่น ๆ ในการทำตลาดร่วมกัน ทำให้บริษัทยังดูแลพนักงานทั้งหมดเกือบ 1,000 คนไว้ได้ โดยไม่มีการปลดพนักงานออก ขณะเดียวกันได้ให้ความสำคัญกับการขยายสาขาของร้าน Fire Tiger ในต่างประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับดี ทำให้การขยายสาขาแบรนด์อื่นๆ ชะลอตัว แต่วันนี้เมื่อสถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ จากนี้บริษัทจะมุ่งขยายสาขาแฟรนไชส์ร้านต่างๆ จากเกาหลี ที่มองว่ายังมีโอกาสอีกมาก “วันนี้ เราอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อม ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ขยายเพิ่มส่วนงานต่าง ๆ เพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อที่จะขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วขึ้น” ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นับจากเงินลงทุนก้อนแรกหลักสิบล้านบาท รวยไม่หยุด กรุ๊ป ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องใช้เงินกู้ แต่ใช้วิธีการลงทุนแบบระมัดระวัง ทำให้การขยายสาขาในประเทศไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ประกอบกับต้องการสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง และควบคุมคุณภาพทั้งสินค้าและบริการให้มีมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา และพยายามสร้างพอร์ตให้มีความหลากหลาย ให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ในทุกกลุ่ม ซึ่งจะทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง “นับตั้งแต่ช่วงโควิดเรายังเติบโตในอัตรา 20-30% ต่อปี ขณะที่ปีนี้เริ่มเห็นการกลับมาเติบโตสูงในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% จากการผ่อนคลายมาตรการโควิด และเริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ซึ่งลูกค้าหลักของกลุ่มส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย” ชุติมากล่าว สำหรับความสุขของผู้บริหารทั้งสองคน ยังสนุกกับการเดินทางไปสรรหาแบรนด์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะแบรนด์จากประเทศเกาหลีใต้ ที่ยังมีโอกาสอีกมากจากกระแสเคป็อบที่นับวันยิ่งแข็งแรงมากขึ้น รวมทั้งผู้บริหารสาวทั้งสองคนยังเป็นแฟนตัวยงของวงบีทีเอส บอยแบนด์ชื่อดังจากเกาหลีใต้อีกด้วย ส่วนเป้าหมายในเชิงธุรกิจของรวยไม่หยุดกรุ๊ป ทั้งสองสาวมีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะก้าวขึ้นเป็นท็อป ทรีของวงการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของเมืองไทย และเชื่อว่าวันนี้พวกเธอได้ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำที่เป็นท็อป ออฟ มายด์ ของคนไทยและคนต่างชาติอีกด้วย อ่านเพิ่มเติม: การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ฟื้นตัว แนะไทยชิงตลาดตะวันออกกลางไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine