ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุล Passion ชนะทุกอย่าง - Forbes Thailand

ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุล Passion ชนะทุกอย่าง

ทายาทธุรกิจแลคตาซอย ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุล อดีต Data Scientist เนื้อหอมจาก Facebook ปฏิเสธคำเชิญชวนของคอร์ปอเรทใหญ่ มาร่วมสานฝันกับ เลิร์น คอร์ปอเรชั่น กลุ่มธุรกิจการศึกษาชั้นนำของไทยที่ประสบความสำเร็จในการชักนำเขาด้วยอุดมการณ์มากกว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจ

เป้าหมายในการเปลี่ยนชีวิตเด็กไทย 1 ล้านคนภายในปี 2564 ของบริษัทเลิร์น คอร์ปอเรชั่น กลายเป็นตัวดึงดูดสำคัญให้ ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุล หรือต้าตกลงร่วมหัวจมท้ายกับเลิร์น กรุ๊ป และเริ่มก่อตั้งธุรกิจใหม่ด้วยกันในนาม “Skooldio” มากกว่าออฟเฟอร์งามๆ จากองค์กรขนาดใหญ่ที่ชักชวนให้เขาไปร่วมงานด้วย หลังตัดสินใจลาออกจาก Facebook เพื่อกลับมาทำงานให้กับประเทศไทย ตามสัญญาใจที่เขามีในฐานะนักเรียนทุนอานันทมหิดลเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว

เหตุที่กลับไทยมีหลายส่วนๆ หนึ่งก็คือครอบครัวอยากให้กลับมา อีกส่วนหนึ่งคือเราเป็นนักเรียนทุน เรามีสัญญาใจ จริงๆ ทุนนี้ไม่มีข้อผูกมัด แต่สัญญาใจที่เราตกลงกันไว้คือกลับมาทำอะไรก็ได้ ที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ

ด้วยประสบการณ์การทำงาน 3 ปีที่ สำนักงานใหญ่ Facebook สหรัฐอเมริกาทำให้ ดร.วิโรจน์ เป็นที่ต้องการจากองค์กรใหญ่หลายแห่งซึ่งประสบความยากลำบากในการหา Data Scientist เพื่อมาช่วยพัฒนาขีดความสามารถทาง “Big Data” และการนำเอาข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจต่างๆ ทว่าเขากลับสนใจงานด้านการสอนหรือการศึกษามากกว่าเพราะมองว่าหากเขาช่วยพัฒนากำลังคนให้มีทักษะทางเทคโนโลยีจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่า

ดร.วิโรจน์ พบว่า passion ในการสอนของเขายังไม่ได้เหือดหายไปไหน จึงได้เข้าไปคุยกับทาง เลิร์น คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเห็นด้วยกับเขาในการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ไปสู่ธุรกิจการให้การฝึกอบรมบุคลากรในองค์กร จึงเป็นที่มาของการร่วมก่อตั้ง Skooldio ซึ่งเชื่อมต่อธุรกิจการศึกษาของเลิร์น กรุ๊ป ให้ครบวงจรตามคอนเซปท์ “Life-long Learning” จากการให้การศึกษา เด็กนักเรียนไปจนถึงนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ ต่อยอดไปจนถึงการให้การอบรมทักษะอาชีพ (professional development)

โดยเริ่มจากทักษะด้านเทคโนโลยีที่เป็นที่ขาดแคลนสูงสุด (ปัจจุบันหลักสูตรที่ได้รับความนิยมสูงสุดของ Skooldio คือ Design Thinking ตามด้วยคอร์สที่เกี่ยวกับการนำเอาดาต้ามาใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีคอร์สที่ได้รับความนิยมอื่นๆ เช่น การออกแบบ User Experience การออกแบบแอพพลิเคชั่น และการออกแบบเว็บ)

บริษัท Skooldio นี่ ขาหนึ่งเราทำเรื่องสอนหนังสือ ทำโรงเรียนสอนเทคโนโลยี แต่อีกขาหนึ่งเราเป็นเหมือนซอฟต์แวร์เฮ้าส์ เรายังเป็น tech partner ให้กับบริษัทในเครือของเรา ก็เลยรับทั้งสองขาอยู่ในตอนนี้

Skooldio ตั้งเป้ารายได้ 100 ล้านบาทในปี 2562 ปัจจุบันรายได้มากกว่าครึ่งยังมาจากฝั่งของการเป็น tech partner ให้กับบริษัทแม่ ที่เหลือมาจากธุรกิจการอัพสกิลให้กับบุคลากรในองค์กรต่างๆ

https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/videos/1964040407232686/  

ในส่วนของกลุ่มเลิร์นนั้น หนึ่งในผลงานชิ้นโบแดงในบทบาท tech partner ให้บริษัทแม่ของ Skooldio คือการพัฒนา TCASter แอพพลิเคชั่นบนมือถือที่รวบรวมข้อมูลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไว้ในที่เดียว ที่เปิดตัวในปี 2560 มีผู้ใช้งานถึง 300,000 คน นอกจากนี้ Skooldio ยังอยู่เบื้องหลังการพัฒนาแพลตฟอร์มเทรนครูซึ่งกลุ่มเลิร์นได้จับมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการให้การฝึกอบรมครูผ่านช่องทางออนไลน์ไปกว่า 10,000 คน ในปีนี้ และตั้งเป้าเทรนครู 100,000 คน ในปี 2562

ดร.วิโรจน์ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ว่าในอนาคตเขาอาจจะเข้าไปร่วมงานกับธุรกิจครอบครัวที่บริษัท แลคตาซอย ที่พี่สาวของเขามัลลิกา จิรพัฒนกุล เพิ่งได้รับการโปรโมทขึ้นเป็นผู้จัดการใหญ่ฝ่ายขายเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเนื่องจาก Skooldio เพิ่งเริ่มอย่างจริงจังและมีการจดทะเบียนบริษัท เมื่อประมาณ 1 ปีเศษๆ ที่ผ่านมาเท่านั้นเอง เขายังมองเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโตและขยายขอบเขตธุรกิจของ Skooldio ไปได้อีกมาก

ดูความเหมาะสมของจังหวะละกัน จริงๆ ตอนนี้ Skooldio เรียกว่าเพิ่งเริ่ม ก็คือ Skooldio น่าจะไปได้ไกลมาก อยากให้มันไปถึงสิ่งที่เราอยากได้ ค่อยว่ากันอีกทีว่าเราจะขยับไปทางไหน

เนื่องจากมันเป็น passion มันเลยชนะทุกอย่าง ว่าทำไมไม่ไปทำที่บ้าน ทำไมถึงไม่อยู่เก็บเงินต่อที่นู่น เพราะมันชัดว่าทำอย่างนี้เราแฮปปี้ 

 

ภาพ: กิตติเดช เจริญพร, เลิร์น คอร์ปอเรชั่น

ติดตามอ่านฉบับเต็ม “ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุล Passion ชนะทุกอย่าง” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2561 สังคมสูงวัย