สงครามตลาดเบียร์ระอุส่งท้ายปี กลุ่มทีเอพีเปิดบริการรับเทศกาลปีใหม่ ผนึกร้านอาหารเกรฮาวด์จัดเซ็ตปาร์ตี้จับคู่ เบียร์สดไฮเนเก้น-อาหาร ส่งตรงถึงบ้านทั่วกรุงเทพฯ ด้านภาพรวมตลาดเบียร์คาดการณ์ถึงสิ้นปีโต 6%
ภัททภาณี เอกะหิตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้นและสตรองโบว์ ใน
กลุ่มบริษัททีเอพี เปิดเผยว่า ช่วงปลายปีนี้บริษัทเตรียมจัดแคมเปญใหญ่สองแคมเปญในการผลักดันยอดขายและสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์เบียร์ไฮเนเก้น โดยแคมเปญแรกที่เริ่มขึ้นแล้วคือ
Star Delivery Service เป็นบริการที่ร่วมกับพันธมิตรคือร้านอาหาร
เกรฮาวด์ ( Greyhound) จัดเซ็ตอาหารและเบียร์สดจากไฮเนเก้นพร้อมด้วยของตกแต่งงานปาร์ตี้ บริการส่งตรงถึงบ้านหรือสถานที่จัดงานของลูกค้า ในราคาเซ็ตละ 6,500-10,500 บาท สำหรับ 8-15 คน
Star Delivery Service เป็นแคมเปญเฉพาะของไฮเนเก้นในไทยที่กลุ่มทีเอพีคิดค้นขึ้น นับเป็นครั้งแรกของไทยที่มีการจัดส่งเบียร์สดพร้อมอาหารให้กับลูกค้ากลุ่มเล็ก ให้บริการช่วงวันที่ 13 พ.ย. 60 – 31 ม.ค. 61 รวม 80 วัน ช่วงเวลาบริการ 10.00 - 22.00น. (รับคำสั่งสุดท้าย 19.00น.) เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลบางส่วน โดยไฮเนเก้นร่วมกับเกรฮาวด์ได้เตรียมรถบรรทุกขนาดเล็กและจักรยานยนต์ไว้แล้ว 3 คัน พร้อมพนักงานที่จะแนะนำวิธีการใช้เครื่องกดเบียร์สด หากได้รับการตอบรับที่ดีพร้อมจะเพิ่มจำนวนพนักงานและรถขนส่งทันที
กฤตินาท อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้จัดการทั่วไปของแบรนด์เกรฮาวด์ และ ภัททภาณี เอกะหิตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้นและสตรองโบว์
ภัททภาณี กล่าวว่า
แคมเปญ Star Delivery Service ครั้งนี้คาดหวังมีคำสั่งซื้อสูงสุด 30-50 คำสั่งต่อวัน ส่วนการลงทุนหรือเป้ายอดขายจากบริการนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างไรก็ตาม
เบื้องต้นบริษัทมองแคมเปญจัดส่งเบียร์สดในเชิงการตลาดมากกว่าการแสวงหารายได้ ต้องการให้ไฮเนเก้นได้รับการจดจำในฐานะแบรนด์แห่งนวัตกรรมและทันเทคโนโลยี
“ที่มาของแคมเปญนี้เกิดจาก Global Mega Trend อย่างหนึ่งที่มาแรงมากคืออีคอมเมิร์ซผนวกกับอาหาร-เครื่องดื่ม ปีที่ผ่านมาบริการจัดส่งอาหาร (food delivery) โตถึง 15% เราจึงคิดว่า เราจะเข้าไปมีส่วนกับตรงนี้ได้อย่างไร ประกอบกับเบียร์สดหรือดราฟท์เบียร์ เป็นสิ่งที่หาดื่มยาก ต้องรอเทศกาลลานเบียร์หรือร้านอาหารเฉพาะ เราต้องการให้เบียร์สดเป็นสิ่งที่บริโภคที่บ้านได้ อีคอมเมิร์ซจึงตอบโจทย์และเกิดเป็นบริการ Private Party Provider” ภัททภาณีกล่าว
ทั้งนี้ เบียร์สดมีสัดส่วน 10% ของยอดขายเบียร์ไฮเนเก้นทั้งหมด ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 9%
ไฮเนเก้นร่วมเกรฮาวด์ - การร่วมมือกันอีกครั้งของพันธมิตรที่จัดกิจกรรมกับผู้บริโภคร่วมกันมากว่า 10 ปี
ด้านอีกแคมเปญที่ไฮเนเก้นจะจัดรับเทศกาลปีใหม่คือ
Behind the Star Experience (Multisensorial Exhibition) ณ ลานเบียร์ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตลอดเดือนธันวาคมนี้ โดยเป็นกิจกรรมนำเสนอต้นกำเนิดของเบียร์ไฮเนเก้นพร้อมโซนที่นั่งสตาร์เสิร์ฟ (Star Serve) เพื่อชิมเบียร์ไฮเนเก้นแต่ละประเภท
ตลาดเบียร์คึกคักคาดทั้งปีโต 6%
ภัททภาณีกล่าวต่อว่า สำหรับตลาดเบียร์ของไทยช่วง 8 เดือนแรกปี 2560 มูลค่าตลาดกว่า 107,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.7% เติบโตทุกตลาดยกเว้นกลุ่มเบียร์อีโคโนมีสัดส่วน 1% ของตลาดรวมหดตัวลง 22% ตามสภาวะเศรษฐกิจ ด้านกลุ่มเบียร์พรีเมียมมูลค่า 4.5 พันล้านบาท คิดเป็น 3% ของตลาดเบียร์ทั้งหมด ซึ่งไฮเนเก้นจัดอยู่ในกลุ่มเบียร์พรีเมียม และเป็นผู้นำตลาดกลุ่มนี้ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 80% หรือคิดเป็นมูลค่า 3.5 พันล้านบาท ส่วนผู้เล่นอื่นๆ ในกลุ่มเบียร์พรีเมียม อาทิ ซานมิเกล เฟดเดอบรอย ฯลฯ ครองสัดส่วน 20% ที่เหลือ
บริษัทคาดการณ์ตลาดรวมของเบียร์ตลอดปีนี้จะเติบโตขึ้น 6% ทั้งในแง่มูลค่าและปริมาณ โดยปริมาณการขายเบียร์ทั้งปีคาดอยู่ที่ 22 ล้านเฮกโตลิตร โดยผู้เล่นหลักยังคงเป็นกลุ่มเบียร์เมนสตรีม ได้แก่ ลีโอครองสัดส่วน 52% ช้าง 35% และสิงห์ 6%
Forbes in Details
ภัททภาณีเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการจำหน่ายเบียร์ของทั้งตลาดจำแนกตามประเภทบรรจุภัณฑ์ แบบขวดใหญ่ (630 มล.) ยังเป็นอันดับหนึ่งสัดส่วน 60% รองมาเป็นแบบกระป๋อง 20% ตามด้วยแบบขวดเล็ก (330 มล.) 10% และจำหน่ายเป็นเบียร์สด 10% ซึ่งสัดส่วนของไฮเนเก้นสอดคล้องกับตลาดเช่นกัน
ส่วนช่องทางการขายของตลาดเบียร์ ยังยึดโยงกับร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) สัดส่วน 70% รองมาคือโมเดิร์นเทรด 20% และช่องทางออนพรีมิส หรือกลุ่มร้านอาหาร ผับ บาร์ต่างๆ อีก 10%
สำหรับบริการ Star Delivery Service ไฮเนเก้นได้ศึกษาทางกฎหมายแล้วว่าไม่จำเป็นต้องเปิด-ปิดการขายเป็นช่วงเวลาเหมือนร้านค้า ส่วนการควบคุมอายุผู้ซื้อที่ต้องครบ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ไฮเนเก้นจะมีการสอบถามก่อนการสั่งซื้อและพนักงานผู้ส่งสินค้าจะขอตรวจสอบบัตรประชาชนผู้รับสินค้าทุกครั้ง