ตลาด “นม” ไทยทรุด ติดลบ 3% “โฟร์โมสต์” แก้เกมเร่งกระตุ้นตลาด-ขยายฐานในอาเซียน - Forbes Thailand

ตลาด “นม” ไทยทรุด ติดลบ 3% “โฟร์โมสต์” แก้เกมเร่งกระตุ้นตลาด-ขยายฐานในอาเซียน

โฟร์โมสต์เผยตลาดนมพร้อมดื่มในไทยปี 2560 มูลค่า 6.1 หมื่นล้านบาท ติดลบ 3% เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ตลาดไม่เติบโต บริษัทเปิดกลยุทธ์สู้อัดงบการตลาด 100 ล้านบาทไตรมาสสุดท้าย เตรียมลงทุนขยายไลน์ผลิต 1 พันล้านบุกหนักตลาดสปป.ลาว-กัมพูชา หลังยอดขายพุ่ง 20%

วิภาส ปวโรจน์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากข้อมูลการวิจัยของนีลเส็น พบว่าตลาดนมพร้อมดื่มในประเทศไทย (รวมทั้งกลุ่มนมโคและนมถั่วเหลือง) ปี 2560 มีมูลค่าราว 6.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าติดลบ 3% จากปีก่อน และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ตลาดนมไทยติดลบ “เชื่อว่าเกิดจากสภาพเศรษฐกิจค่อนข้างซบเซา และนมถือเป็นสินค้า FMCG (Fast Moving Consumer Goods) จึงได้รับผลกระทบด้วย โดยทุกประเภทสินค้ามียอดขายติดลบทั้งหมด ยกเว้นนมน้ำสำหรับเด็กซึ่งยังเติบโต เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เด็กเปลี่ยนจากการดื่มนมผงมาเป็นนมน้ำเร็วขึ้น ส่วนใหญ่จะเริ่มดื่มนมน้ำตั้งแต่อายุ 2-3 ขวบซึ่งต่างจากในอดีต” วิภาสกล่าว อย่างไรก็ตาม ฟรีสแลนด์ฯ ยังมีการเติบโตอยู่ 3% ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ แต่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการ โดยบริษัทมียอดขายปีก่อน 1.4 หมื่นล้านบาท และวางเป้าเติบโตในปี 2560 อย่างน้อย 5% คิดเป็นเป้ายอดขายปีนี้ราว 1.47 หมื่นล้านบาท
วิภาส ปวโรจน์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
วิภาส มองว่าตลาดนมไทยที่มีการบริโภคนม 18 ลิตร/คน/ปี ยังสามารถผลักดันให้มีการบริโภคต่อคนต่อปีสูงขึ้นได้ในอนาคต จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่หลากหลายเข้าสู่ตลาด ยกตัวอย่างในเนเธอร์แลนด์ ฟรีสแลนด์ฯมีการผลิตผลิตภัณฑ์นมแบบใหม่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายโดยเฉพาะ หรือในฮ่องกง ก็มีสินค้านมสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมของตลาดนมไทยว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะผลิตสินค้านมแบบ functional drink ดังกล่าวและตัดสินใจว่าจะเป็นสินค้ากลุ่มใด ส่วนการปรับตัวในระยะสั้น ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีบริษัทจะเทงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาทเพื่อจัดกิจกรรมการตลาดและการโฆษณาเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงโค้งท้ายของปีนี้
สินค้าของโฟร์โมสต์แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ นมยูเอชที สัดส่วนสินค้า 45%, นมยูเอชทีสำหรับเด็ก 20%, ผลิตภัณฑ์นมสำหรับปรุงแต่งรส เช่น นมข้มหวาน นมข้นจืด สัดส่วน 20% และนมพาสเจอไรส์ 15%
วิภาสกล่าวต่อว่า สำหรับการลงทุน ขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุมัติงบการลงทุนมูลค่า 1 พันล้านบาทจากบริษัทแม่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากโรงงานที่สำโรง จ.สมุทรปราการ แหล่งผลิตนมยูเอชทีและนมข้นหวาน-ข้นจืดกำลังผลิตสูงสุด 3.6 แสนตันต่อปีใช้กำลังผลิตไปกว่า 80% แล้ว คาดว่าจะเต็มกำลังการผลิตในไม่ช้า ทำให้ต้องการขยายกำลังผลิตเพิ่มอีก 30-40% หากมีการอนุมัติภายในปีนี้ จะทยอยติดตั้งไลน์ผลิตใหม่เสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2563 บริษัทต้องขยายไลน์ผลิต เพราะถึงแม้ว่าตลาดในไทยจะเริ่มอิ่มตัว แต่บริษัทยังเป็นฐานผลิตนมยูเอชทีและนมข้นหวาน-ข้นจืดให้กับบริษัทฟรีสแลนด์ฯในประเทศอื่นด้วย ได้แก่ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย รวมถึงมีการส่งออกจำหน่ายในสปป.ลาวและกัมพูชา ซึ่งในสองประเทศดังกล่าวพบว่ายอดขายมีการเติบโตสูงมาก วิภาสคาดว่าปี 2560 นี้ยอดขายโฟร์โมสต์ในสองประเทศนี้รวมกันจะอยู่ที่ราว 1 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 20% รวมถึงการคาดการณ์ของ International Food Policy Research Institute พบว่าช่วงปี 2540-2563 ภูมิภาคเอเชียคือกลุ่มประเทศที่การบริโภคนมจะเติบโตสูงสุดในโลก เจาะลึกเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตเฉลี่ย 3% ต่อปี เทียบกับประเทศพัฒนาแล้วที่เติบโตเพียง 0.6% ต่อปี น่าจะเป็นสัญญาณของโอกาสอันดีในการบุกตลาดลาวและกัมพูชาซึ่งประชากรกำลังเพิ่มขึ้น

Forbes Facts

  • ฟรีสแลนด์ฯ คาดว่า ประเทศที่การผลิตน้ำนมจะเติบโตสูงสุดในโลกภายในปี 2568 คือ อินเดีย ซึ่งจะเติบโตสูง 50%
  • วิภาสกล่าวว่า ตลาดนมโคไทยมีผู้เล่นหลักประมาณ 5-6 ราย เช่น โฟร์โมสต์ ดัชมิลล์ ไทย-เดนมาร์ก ซีพี-เมจิ ฯลฯ กลุ่มนี้ครองส่วนแบ่งในตลาดนมราว 80%
  • สำหรับ วิภาส ปวโรจน์กิจ รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของ บมจ.ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากผ่านการร่วมงานกับบริษัท 2 ครั้ง รวมระยะเวลาการทำงานกับโฟร์โมสต์ไทย 12 ปี­