“โกลด์ซิตี้” ฉลองใหญ่ครบรอบ 70 ปี ทรานส์ฟอร์มธุรกิจ 360 องศา รีเทิร์นตลาดทวงบัลลังก์แชมป์รองเท้านักเรียน พร้อมขยายไลน์รุกหนักกลุ่มรองเท้าไลฟ์สไตล์ ปั้นแบรนด์ใหม่เจาะตลาดพรีเมียม มั่นใจสิ้นปีกวาดรายได้ทะลุ 550 ล้านบาทในกลุ่มรองเท้าผ้าใบ
สุเมธ จินาพันธ์ กรรมการบริหาร บริษัท โกลด์ซิตี้ ฟุตเทค จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าภายใต้แบรนด์ “โกลด์ซิตี้” (GOLDCITY) เปิดเผยว่า ในวาระครบรอบ 70 ปีของโกลด์ซิตี้ บริษัทมีนโยบายเดินหน้าสร้างแบรนด์โกลด์ซิตี้ เพื่อรุกตลาดรองเท้าเมืองไทยเต็มรูปแบบ ตอกย้ำความเป็นผู้ริเริ่มผลิตรองเท้า และสร้างตลาดรองเท้านักเรียนจนเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเริ่มตั้งแต่การควบรวมกิจการให้เป็นหนึ่งเดียว ทั้งในส่วนของการผลิต การขาย และการตลาด เพื่อให้บริหารจัดการได้สะดวก รวดเร็ว รวมทั้งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อรองรับการแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่องในตลาดรองเท้าเมืองไทย
ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับเปลี่ยนตราสินค้า (โลโก้) ใหม่ โดยเปลี่ยนตัวอักษรภาษาอังกฤษ ภายใต้ชื่อ “GOLDCITY” เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด เพื่อให้ทันสมัย โดดเด่น พร้อมปรับโทนสีให้เหมาะสมกับเทรนด์โลก และปรับการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์และสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพและผลิตภัณฑ์ของโกลด์ซิตี้ว่า ไม่ใช่โดดเด่นเฉพาะรองเท้านักเรียนเท่านั้น แต่ปัจจุบันโกลด์ซิตี้เป็นผู้ผลิตรองเท้าแฟชั่น รองเท้ากีฬา และรองเท้าอื่นๆ จำนวนมาก ทั้งภายใต้แบรนด์ของตนเองและการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์อื่นทั้งในไทยและต่างประเทศทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา แอฟริกา และประเทศในแถบยุโรป เป็นต้น
โดยปัจจุบัน โกลด์ซิตี้ถือเป็นผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับถึงมาตรฐานระดับโลก โดยมีใบรับรองการผลิตจากหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ISO9001 และ มอก. นอกจากนี้ ยังมีแผนกวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อศึกษาและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดีไซน์ การผลิต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
ด้านกลยุทธ์การตลาดจะมุ่งเน้นการสื่อสารเพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้แบรนด์ (Brand Identity) ถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรองเท้าระดับแนวหน้าของประเทศ ด้วยศักยภาพที่เป็นผู้พัฒนาและผลิตรองเท้ารูปแบบต่างๆ มายาวนานที่สุดในประเทศไทย
ซึ่งปัจจุบัน มีแบรนด์สินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ โกลด์ซิตี้ แบรนด์รองเท้าที่สามารถตอบสนองได้ทุกไลฟ์สไตล์, จี-พลัส แบรนด์รองเท้าสำหรับผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ตั้งแต่ระดับ B-A+ หรือตลาดพรีเมียม และฟาสต์ (FAST) แบรนด์รองเท้าสำหรับผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อระดับปานกลาง ตั้งแต่ระดับ C-B+ พร้อมนำเสนอข้อมูลสินค้า ความเคลื่อนไหวขององค์กร ตลอดจนกิจกรรมทางการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง เพราะปัจจุบันบริษัทมีไลน์สินค้า 10 หมวด อาทิ รองเท้านักเรียน, รองเท้าแฟชั่น, รองเท้าฟุตบอล, รองเท้าฟุตซอล, รองเท้าวิ่ง, รองเท้าเพื่อสุขภาพ, รองเท้าแตะ, รองเท้าคัชชู และแอคเซสเซอรี่ต่างๆ อาทิ ถุงเท้า เสื้อ เป็นต้น
“นับจากนี้ไป บริษัทจะมุ่งรุกทำตลาดรองเท้าไลฟ์สไตล์มากขึ้น ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีการขยายตัวและเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับตลาดรองเท้าในเซกเมนต์อื่นๆ ดังนั้น จึงต้องมุ่งสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ผ่าน 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ Sport Marketing การนำแบรนด์โกลด์ซิตี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการแข่งขันกีฬาต่างๆ และ Entertainment Marketing อย่างการสนับสนุนมหกรรมดนตรี Thailand Band Knockout 2020 เป็นต้น”
อย่างไรก็ดี ในโอกาสครบรอบ 70 ปี บริษัทเตรียมจัดกิจกรรมฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะหวนกลับมาทำตลาดเป็นรูปแบบอีกครั้ง โดยในปีนี้ บริษัทเตรียมใช้งบการตลาดกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งนอกจากการเป็นผู้สนับสนุนกิจกรรมต่างๆ แล้ว ยังเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง รวมทั้งการขยายช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลายและครอบคลุมทั้งตัวแทนจำหน่ายซึ่งมีอยู่กว่า 300 ร้านทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเน้นร้านค้าสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรดด้วย
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ 550 ล้านบาทในกลุ่มรองเท้าผ้าใบแบรนด์โกลด์ซิตี้ เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 500 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากรองเท้านักเรียนร้อยละ 65 รองเท้าแฟชั่นร้อยละ 30 และอื่นๆ ร้อยละ 5
อ่านเพิ่มเติมไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine