เบทาโกร ฉลองความสำเร็จ เอสเพียว (S-Pure) ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่คุณภาพสูง ไม่มียาปฏิชีวนะได้รับการรับรองจาก NSF เป็นรายแรกของโลก ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการมากกว่าความอร่อยและคุณภาพแต่ต้องสุขภาพดีระยะยาว และทิศทางการปรับองค์กรสู่ยุค Digital Transformation
“เครือเบทาโกรให้ความสำคัญในเรื่องนโยบายความปลอดภัยด้านอาหารและคุณภาพมาอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง โดยเฉพาะแบรนด์เอสเพียว (S-Pure) ดำเนินการอย่างครบวงจรมามากกว่า 10 ปี เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกไก่สายพันธุ์ดี เลี้ยงในระบบฟาร์มปิดป้องกันเชื้อโรคและพยาธิมีสัตวแพทย์ดูแล เลือกใช้อาหารจากโปรตีนธัญพืชและอาหารเสริม Probiotic ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ มีการควบคุมการผลิตที่อุณหภูมิ 0-4 องศา ตลอดกระบวนการแปรรูปและการขนส่ง”
วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร กล่าว
เนื้อไก่ เอสเพียว (S-Pure) ได้รับการรับรอง “Raise without Antibiotics certified by NSF” เป็นรายแรกของโลกเมื่อปี พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา โดย NSF องค์กรด้านความปลอดภัยและสาธารณสุขที่ไม่แสวงผลกำไรและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลในฐานะหน่วยงานกำหนดมาตรฐานตรวจสอบและออกใบรับรองให้แก่อุตสาหกรรมอาหาร น้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภค เพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพและป้องกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
สุธิดา เกตุทัด ผู้อำนวยการระดับภูมิภาค (ส่วนงานอาหารนานาชาติ) ประจำประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ NSF กล่าวเพิ่มเติมถึงการรองรับ Raise without Antibiotics ให้กับเนื้อไก่เบทาโกรครั้งนี้ว่า “ทางเราศึกษาหาข้อมูลพบกว่า ผู้ประกอบการรวมถึงผู้บริโภคกว่า 59 % ให้ความสำคัญกับการใช้ยาปฏิชีวนะในสัตว์เราจึงกำหนดต้นแบบมาตรฐานเพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสัตว์ที่ปลอดสารปฏิชีวนะ”
ปัจจุบันผู้ประกอบการภายในประเทศไทยเริ่มให้ความสนใจและติดต่อให้ทาง NSF เข้าไปตรวจสอบคุณภาพ แต่เนื่องจากการสร้างฟาร์มที่ปลอดสารปฏิชีวนะไม่อาจเกิดขึ้นได้ภายใน 1-2 ปี และไม่ใช่แค่การให้อาหารและดูแลสัตว์เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการปลอดสารเคมีทั้งระบบโดยสิ่งที่ NSF ในความสำคัญมากที่สุดคือการใช้สารและปนเปื้อนสารปฏิชีวนะทั้งในส่วนของอาหารและน้ำ
“เราส่งทีมวิจัยเข้าไปตรวจสอบที่แหล่งผลิตโดยไม่มีการแจ้งเตื่อนใดๆ ในหลายๆ ส่วนการผลิต สำหรับตัวอย่างเนื้อเยื่อที่ได้จะถูกส่งไปยังแลปซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการที่เดียวบนโลกซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศเยอรมันนีที่สามารถตรวจสอบการปนเปื้อนของชิ้นเนื้อได้” สุธิดา เกตุทัด ผู้อำนวยการระดับภูมิภาค (ส่วนงานอาหารนานาชาติ) ประจำประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ NSF กล่าวเสริม
ทั้งนี้
วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ เปิดเผยถึงตลาดในประเทศโดยปัจจุบันเอสเพียวครองส่วนแบ่งตลาดอาหารสดระดับพรีเมียม 90% เตรียมขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่เขตเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว ผ่านร้านค้าปลีกชั้นนำทั้งในประเทศ และ สิงคโปร์ ฮ่องกง กลุ่มประเทศในสแกนดิเวีย สำหรับภาพรวมการส่งออกเนื้อไก่ในปี 2560 วสิษฐคาดตัวเลขการส่งออกที่ 77,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา
สำหรับภาพรวมการลงทุนในปี 2560 ในเครือเบทาโกรจะได้เห็นภาพการลงทุน Farm Complex ที่ลพบุรีมากขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มจำนวนการผลิตแปรรูปจากการขยายฟาร์มปศุสัตว์ในอิสานตอนล่างและภาคใต้ โดยแผนการทำงานระยะสั้นภายให้ความสำคัญในการลงทุนในการสร้างฟาร์มที่เป็นเวิลด์คลาสและการปรับองค์กรเข้าสู่ยุค Digital Transformation
“เบทาโกรมีการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญในระบบการโลจิสติกส์และการบริหารจัดการใหม่ทั้งหมดภายเครือเบทาโกรเพื่อปรับตัวเองเข้าสู่ยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น มีการลงระบบ ERP ใหม่ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนหลักพันล้านบาท ยุคต่อไปของเครือเบทาโกรให้ความสำคัญกับระบบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Big Data” วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ กล่าว