ซิซซ์เล่อร์ ลุยต่อหลังโควิด-19 เริ่มผ่อนคลาย ออกมาตรการนั่งทานในร้านใหม่เพียบ จ่อขยาย “ทู โก” 7 สาขาใหม่รับเทรนด์สุขภาพ พร้อมสร้างโมเดลครัวกลาง “คลาวด์คิทเช่น” เพิ่มเติม
กรีฑากร ศิริอัฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ผู้ให้บริการร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ ซิซซ์เล่อร์ (Sizzler) กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นความท้าทายหนึ่งของร้านอาหารในศูนย์การค้า ที่ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากห้างปิด และเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โจทย์ใหม่ของทุกคนคือต้องสร้างความสบายให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้าน
“สำหรับซิซซ์เล่อร์เราได้ปรับตัวรับ 3 ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความปลอดภัย, เรื่องอาหาร และการขยายธุรกิจ”
โดยในเรื่องความปลอดภัยในร้าน ซึ่งปัจจุบันซิซซ์เล่อร์สามารถกลับมาเปิดให้บริการนั่งทานที่ร้านได้ราว 80-85% ของจำนวนทั้งหมด 57 สาขานั้น ซิซซ์เล่อร์ได้กำหนดมาตรฐานใหม่เพื่อให้สอดรับกับมาตรการ social distancing ไม่ว่าจะเป็น Touchless Menu สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดูเมนูของร้าน ชุดช้อนส้อมหุ้มพลาสติกฆ่าเชื้อ การนั่งเว้นระยะห่าง การเก็บเงินแบบไร้การสัมผัส
ตลอดจนการทานสลัดบาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจของการรับประทานซิซซ์เล่อร์ในร้าน ที่เปิดให้บริการภายใต้มาตรการที่ปลอดภัย โดยจะมาในรูปแบบเป็นใบเมนูที่ลูกค้าสามารถเขียนเลือกเมนูที่ต้องการ แล้วให้พนักงานตักมาให้
ขณะที่ในบางสาขาที่มีความพร้อม ก็ให้ลูกค้าสามารถตักเองได้ โดยเตรียมถุงมือให้ลูกค้าสวมใส่ในข้างที่สัมผัสอุปกรณ์ตักสลัดบาร์ แต่มีการกำหนดเข้าแถวแบบเว้นระยะห่าง 1 เมตรขณะตักสลัดบาร์ และใช้ทางเดินแบบทางเดียว
นอกจากนี้ พนักงานทุกคนจะต้องดูแลการดูแลสุขลักษณะอย่างเข้มงวดทั้งการสวมใส่ถุงมือ และหน้ากากอนามัยตลอดเวลาด้วย
“แน่นอนว่าในมุมธุรกิจ เรามีต้นทุนเพิ่ม แต่เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ รวมถึงพนักงานด้วย”
ทั้งนี้ สำหรับสาขาที่ยังไม่เปิดให้บริการ กรีฑากรเผยว่ามีสาเหตุมาจากข้อจำกัดต่างๆ ของศูนย์การค้า รวมถึงทราฟิกการใช้บริการของสาขานั้นที่ยังน้อยเกินไป จึงอาจจะต้องรอมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์เพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 2 นี้บริษัทก็ยังไม่มีแผนเปิดสาขาใหม่ รวมถึงชะลอการลงทุนในออกไปในหลายทำเล ซึ่งต้องมาทบทวนและพิจารณาถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการลงทุนอีกครั้ง
ด้าน นงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด กล่าวว่า สำหรับการกลับมาเปิดให้บริการในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ายอดค่าใช้จ่ายต่อบิลของลูกค้าที่ทานที่ร้านเพิ่มขึ้นราว 20 บาท
“สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเราไม่ได้ทำโปรโมชั่นเพื่อดึงทราฟิกคนเข้าร้านเพราะเราให้ความสำคัญกับ social distancing และลูกค้าเองก็อยากมาทานที่ร้าน อยากทานเมนูที่ไม่ได้อยุ่ในโปรโมชั่น จึงทำให้ยอดใช้จ่ายต่อบิลสูงขึ้น”
ลุยขยาย “ทู โก”
อย่างไรก็ตาม หลังซิซซ์เล่อร์เปิดให้บริการ Sizzler to Go (ซิซซ์เล่อร์ ทู โก) หรือ kiosk ขายอาหารเพื่อสุขภาพ พื้นที่ขนาด 3 ตารางเมตร สาขาแรกคือที่บริเวณบีทีเอสศาลาแดงไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับดี จึงเดินหน้าเปิดสาขาต่อเนื่อง 7 สาขา
โดยแบ่งเป็น 4 สาขา ในรูปแบบ Standalone kiosk ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศก (เปิดให้บริการแล้ว), ช่องนนทรี, สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพระราม 9 (เปิดให้บริการแล้ว), ดิออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ และรูปแบบแกร็บแอนด์โกที่หน้าร้านซิซซ์เล่อร์ที่เซ็นทรัล เวสต์เกต, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยทั้ง 7 แห่งจะพร้อมให้บริการในไตรมาสที่ 2
นงชนกกล่าวว่า เพื่อตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพ Sizzler to Go ทุกสาขายังมาพร้อมเมนูใหม่ คือ เมนูแร็พ 3 รสชาติ ได้แก่ แร็พไก่ย่างซอสศรีราชา แร็พไส้กรอกวีแกน และแร็พกุ้งย่างมะม่วงน้ำปลาหวาน เมนูซุป 2 รสชาติ ได้แก่ ซุปเห็ด และซุปหอยลาย เมนูโยเกิร์ต 2 สูตรเพื่อสุขภาพ ได้แก่ เวรี่เบอร์รี่ กราโนล่า โยเกิร์ต และบานาน่าคาราเมล กราโนล่า โยเกิร์ต
“นอกจากนี้ยังมีเมนูเดิมที่เพิ่มรสชาติทางเลือกใหม่ๆ ได้แก่ เมนูน้ำผลไม้สกัดเย็น 100% 2 สูตรใหม่ ได้แก่ สูตร Antioxidant shot ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ด้วยส่วนผสมขิง ส้ม แอปเปิ้ล และแครอท และสูตร Immune Booster คั้นสดจากต้นอ่อนข้าวสาลี แอปเปิลเขียว และส้ม และเมนูสลัด 2 รสชาติ ได้แก่ สลัดทูน่า และสลัดไก่ รวมถึงเพิ่มข้อมูลโภชนาการไว้ที่ฉลากของอาหารอีกด้วย” นงชนกกล่าว
ขณะที่ กรีฑากร กล่าวว่า สำหรับแผนการขยายสาขาทู โก เพิ่มเติมนั้น คงต้องรอดูผลตอบรับจากสาขาต่างๆ ก่อน แต่จะยึดทำเลที่เป็นจุด transit ของการเดินทาง
เร่งปั๊มยอด “เดลิเวอรี่”
นอกจากนี้ หลังช่วงโควิด-19 ผลักดันให้สัดส่วนการใช้บริการเดลิเวอรี่เติบโตจาก 5% เป็น 10% ซึ่งยังอยู่ในระดับนี้แม้จะมีการผ่อนคลายล็อคดาวน์แล้วก็ตาม ส่งผลให้ซิซซ์เล่อร์รุกเดินหน้าโมเดล “คลาวด์คิทเช่น” ที่เป็นการยกครัวของซิซซ์เล่อร์มาไว้ในร้านเดลิเวอรี่ของบริษัทในเครืออย่างร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี
นงชนกกล่าวว่า ล่าสุดได้เปิดให้บริการคลาวด์คิทเช่นเพิ่มเติมที่สาขาประชาอุทิศ 90 และสาขาดอนเมือง จากสาขาแรกคือย่านเกษตร ซึ่งทำให้ลูกค้าที่อยู่ในระยะ 3 กิโลเมตร สามารถสั่งเมนูเดลิเวอรี่ของซิซซ์เล่อร์ได้ ถือเป็นการขยายโซนให้บริการของซิซซ์เล่อร์ให้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าสัดส่วนเดลิเวอรี่เพิ่มเป็น 30% ภายใน 2 ปี
“ลูกค้ายังสามารถสั่งอาหารของทั้ง 3 แบรนด์ คือ ซิซซ์เล่อร์ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และบอนชอน ได้ภายในออร์เดอร์เดียว เป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ต้องการรับประทานอาหารที่บ้าน โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ร้านอาหารในศูนย์การค้า” นงชนกกล่าวทิ้งท้าย
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine