นีลเส็น ประเทศไทย เปิดเผย 3 เทรนด์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล ในประเทศไทย ช้อปปิ้งออนไลน์เติบโตก้าวกระโดด ร้อยละ 38 ซื้อสินค้าทันทีหลังเห็นโฆษณาออนไลน์ แต่แบรนด์ต้องเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค
นีลเส็น ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลจากงานสัมมนาออนไลน์ Nielsen media talk ในหัวข้อ Digital Consumer: Insights, Trends and Challenges พบแนวโน้มสำคัญ "เทรนด์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล" ในยุคดิจิทัล 3 ด้าน ที่มีผลต่อแบรนด์และการซื้อสินค้า โดยเฉพาะหลังโควิด ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการจับจ่ายอย่างชัดเจน โดยผู้บริโภคหันไปใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น จากการสำรวจของ Nielsen CMV พบว่า 1 ใน 3 ของคนไทยปัจจุบันช้อปออนไลน์ และมีอัตราเพิ่มขึ้นจากปี 2019 ถึง ร้อยละ 190 หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของผู้บริโภคชาวไทยที่มีการซื้อสินค้าออนไลน์ในทุกประเภทสินค้า โดยมีการจับจ่ายอยู่ที่ 500 – 1,000 บาทต่อครั้ง และมีความถี่อยู่ประมาณ 2-3 ครั้งต่อเดือน โดยส่วนใหญ่จะจ่ายเป็นเงินสด แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ นิยมจ่ายเงินผ่านโมบายแบงกิ้ง และวอลเล็ต สำหรับกลุ่มสินค้าที่มีการซื้อออนไลน์มากที่สุด ได้แก่ เสื้อผ้าแฟชั่น ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 206 จากปี 2019 ตามด้วยสินค้าอาหารสด เครื่องสำอาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ และบริการส่งอาหารมียอดซื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 798 และ 2,683 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด นอกจากนี้ คนไทยยังนิยมซื้อของออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มขายสินค้า อย่างช้อปปี้ ลาซาด้า สัดส่วนร้อยละ 60 ตามด้วยโซเชี่ยล มีเดีย เช่น เฟซบุ๊ค ไลน์ อินสตราแกรม ร้อยละ 27 และแอปพลิเคชั่นร้านค้าปลีก เช่น วัตสัน เซ็นทรัลออนไลน์ โลตัส ร้อยละ 13 โดยปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุด คือ โค้ดส่วนลด ส่วนลดค่าส่ง และโปรโมชั่นรายเดือน “จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทยเติบโตสูงมาก คนไทยช้อปปิ้งผ่านโซเชียลมีเดีย 5 ครั้งต่อเดือน สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคอาเซียนร้อยละ 14 ซึ่งปัจจุบันตลาดออนไลน์เติบโตทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย” รัญชิตา ศรีวรวิไล ผู้อำนวยการธุรกิจมีเดีย บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย ระบุโฆษณาถูกจุด ผลลัพธ์เกินคาด
รัญชิตา กล่าวด้วยว่า การขยายตัวของธุรกิจออนไลน์ ส่งผลต่ออุตสาหกรรมโฆษณาเช่นเดียวกัน โดยแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ หรือ มาร์เก็ตเพลส อย่างช้อปปี้ ลาซาด้า และอาลีบาบา ใช้งบโฆษณาสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของการใช้งบโฆษณาโดยรวมในประเทศไทย ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงเกิดสถานการณ์โควิด อุตสาหกรรมโฆษณามียอดการใช้งบลดลงร้อยละ 13 แต่พอปี 2021 และไตรมาสแรกของปี 2022 งบโฆษณากลับมาขยายตัว สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มฟื้นตัว สำหรับอิทธิพลของโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัล ผลสำรวจ พบว่า ร้อยละ 38 ของคนไทยซื้อสินค้าทันทีหลังจากเห็นโฆษณาในอินเทอร์เน็ต ในขณะเดียวกันการโฆษณาผ่าน Influencer หรือเน็ตไอดอลก็มีการเติบโตขึ้น โดยคนไทยร้อยละ 14 จะซื้อสินค้าตามที่เน็ตไอดอลแนะนำหรือโฆษณา โดยช่องทางโฆษณาที่ผู้บริโภคไว้วางใจมากที่สุด คือ เว็บไซต์ของแบรนด์ (ร้อยละ 33) รองลงมาคือสื่อทีวี และการเป็นสปอนเซอร์ ขณะที่ SMS หรือการโฆษณาผ่านข้อความมือถือ มีผู้บริโภคถึงร้อยละ 44 ที่ไม่เชื่อถือการโฆษณาจากช่องทางนี้ เนื่องจากผู้บริโภคกลัวข้อความสแปม หรือข้อความหลอกลวง จากรายงานของ Trust in Advertising พบข้อมูลเพิ่มเติมว่าธีมของการโฆษณามีผลต่อผู้บริโภค โดยธีมที่ถูกใจคนไทยมากที่สุดคือ อิงชีวิตจริง (Real-life situations) โดยเฉพาะชาวมิลเลนเนียลที่ถูกใจโฆษณาประเภทนี้เป็นพิเศษ ในขณะที่ธีมที่ขายความเซ็กซี่หรือล่อแหลมจะได้รับความนิยมน้อยในทุกกลุ่มวัยต้องเคารพความเป็นส่วนตัว
รัญชิตา กล่าวว่ คนไทยให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ โดยนีลเส็น พบว่า มีเพียงร้อยละ 19 ที่เต็มใจให้ทุกแอพ/เว็บไซต์ติดตามพฤติกรรมของตนเอง ร้อยละ 57 อนุญาตให้บางแอพติดตามได้บ้าง และ ร้อยละ 20 ที่ไม่อนุญาตให้แอพหรือเว็บไซต์ติดตามหรือแทร็กพฤติกรรมเลย สอดคล้องกับแนวโน้มคนทั่วโลกให้ความสำคัญกับกฎหมายดูแลข้อมูลส่วนบุคคล “จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคส่วนหนึ่งยินดีที่จะให้ข้อมูลแก่แบรนด์ ซึ่งหมายถึง Personalized Marketing ยังเป็นสิ่งที่สำคัญในปัจจุบัน ผู้บริโภคยังต้องการความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ อยากให้แบรนด์เอาใจ นักการตลาดต้องสามารถตอบสนองต่อข้อเสนอใหม่ๆ ได้ ซึ่งความท้าทายของนักการตลาดในปัจจุบันคือการทำอย่างไรที่จะเข้าใจและรู้ใจผู้บริโภค ภายใต้เงื่อนไขที่ความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคต้องมาอันดับแรก” อ่านเพิ่มเติม: “ธนาคารแห่งประเทศไทย” ห่วงค่าครองชีพฉุดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine