“คิสออฟบิวตี้” ปรับทิศทางธุรกิจ หลังสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจ กลุ่มสินค้าเพื่อความงามก็เช่นกัน ยอดขายหดหายกว่า 30% จากหลายปัจจัยทั้งเศรษฐกิจซบเซา รายได้หดหายแถมกังวลโรคระบาด แต่ในวิกฤตยังมีโอกาสและแนวทางใหม่ๆ เสมอ
“คิสออฟบิวตี้” บริษัทผู้จำหน่ายสินค้าความงามแบรนด์ไทย เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ยอมรับว่า ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้บริษัทต้องปรับลดเป้าการเติบโต และเลื่อนกำหนดการเปิดตัวสินค้าใหม่สู่ตลาด แต่ถึงกระนั้นบริษัทสินค้าความงามอายุ 7 ปีแห่งนี้ก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายปีนี้เติบโตได้ถึงร้อยละ 14 ตัวเลขเป้าหมายอยู่ที่ 302 ล้านบาท ลดลงจากเป้าเติบโตที่เดิมตั้งไว้สูงถึงร้อยละ 60 พร้อมมั่นใจว่ายังสามารถขยายตลาดไปยังประเทศอาเซียนได้ กิตติพนธ์ นามพิชญ์ธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิสออฟบิวตี้ จำกัด นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงาม ที่มีอายุ 7 ปี (ก่อตั้งปี 2556) จัดกิจกรรมแถลงข่าวเป็นครั้งแรกของปีนี้หลังจากต้องเผชิญผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จนทำให้ต้องปรับแผนธุรกิจและเลื่อนกำหนดการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เดิมตั้งเป้าจะเปิด 30 รายการ ปรับลดเหลือเพียง 10 รายการ และปรับปรุงช่องทางการจำหน่ายเพิ่มสัดส่วนการขายออนไลน์จากร้อยละ 1 ขึ้นมาเป็นร้อยะล 10 ภายในเวลา 6 เดือน ช่วงที่ต้องล็อกดาวน์ ทำให้ช่องทางปรับสู่ออนไลน์มากขึ้น “ผมเชื่อว่าช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ยังสามารถทำตลาดได้ และปัจจุบันช่องทางตลาดออฟไลน์ผ่านหน้าร้านต่างๆ เริ่มกลับมามียอดขายใกล้เคียงปกติ” ซีอีโอหนุ่มอดีตเจ้าหน้าท่เทรดเดอร์ธุรกิจอาหารกล่าว พร้อมแสดงความมุ่งมั่นในการสร้างธุรกิจสินค้าความงามที่เขาก่อตั้งขึ้นจนเป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์โปรดักต์ความงามคนไทยที่ได้การยอมรับใกล้เคียงแบรนด์ต่างประเทศ โดยเขาบอกว่าเป้าหมายของ คิสออฟบิวตี้ ตั้งใจที่จะเป็น ASEAN BEAUTY แบรนด์ไทยที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มหญิงสาวที่มีแพชชั่นด้านความงาม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องสำอาง และกลุ่ม สกินแคร์ บุกเบิกโลชั่นน้ำหอมแบรนด์ไทย “เราเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรก ที่บุกเบิกตลาดโลชั่นน้ำหอม การันตีความสำเร็จด้วยรางวัล สุดยอดสินค้าขายดี Health Wellness and Beauty Awards โดยวัตสัน ประเทศไทย ในประเภท โลชั่นน้ำหอมยอดขายดีที่สุด ต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อน” กิตติพนธ์ กล่าวอย่างภาคภูมิในความสำเร็จฐานะเอสเอ็มอี ที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเองสร้างการยอมรับในตัวผลิตภัณฑ์ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2562 ที่ผ่านมาทำยอดขายเติบโตขึ้นกว่าร้อยละ 82 เป็นมูลค่ากว่า 264.5 ล้านบาท แต่ด้วยสภาวการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไป ทำให้ไลฟ์สไตล์ของผู้คนเปลี่ยน กิตติพนธ์ จึงมองสินค้าที่จะมาตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป “ภาวะโควิด -19 ผู้คนจำเป็นต้องใส่แมสก์ ดังนั้นสาวๆ หลายคนจึงเลือกที่จะไม่แต่งหน้า หรือแต่งหน้าให้เบาบางลง” คิสออฟบิวตี้จึงเห็นโอกาสขยายแบรนด์สู่ไลน์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกลิ่นหอม เพื่อช่วยเสริมเสน่ห์ตามบุคลิกของสาวๆ พร้อมเร่งพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการในช่วงเวลานั้นๆ และกระจายออกสู่ตลาดอย่างเร็วที่สุด เช่น ผลิตภัณฑ์ยูมะ (Yuma) ได้เริ่มขึ้นในช่วงภาวะวิกฤตที่ผ่านมา

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine