เมื่อไทยมีแผนจะเปิดประเทศอย่างเต็มตัว ‘ห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน’ เองก็พร้อมจะเปิดประตูต้อนรับทุกคนด้วยการมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าเคย หลังกิจการห้างสรรพสินค้าซบเซามาหลายเดือน เนื่องจากพิษโควิด-19
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม กลุ่มห้างสรรพสินค้าใน เครือเซ็นทรัล รีเทล ได้เปิดตัว Olivier Bron ผู้นั่งเก้าอี้ CEO คนใหม่ที่มาพร้อมประสบการณ์เต็มกระเป๋า โดยเคยได้ร่วมงานกับห้างดังประจำ Paris อย่าง Galeries Lafayette และ BHV Group อีกทั้งยังมาพร้อมวิสัยทัศน์ในการผลักดัน ‘ห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน’ สู่ Global Standard ด้วย Omnichannel และกลยุทธ์แห่งอนาคตที่จะทำให้คำว่า ‘ห้าง’ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
1. เลือกสรรสินค้าและบริการที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้า
หนึ่งในแผนการหลักของเครือเซ็นทรัลคือ นอกจากจะมีสินค้าใหม่ๆ หลากหลายหมวดหมู่ให้ลูกค้าได้เลือกแล้ว ยังจะนำสินค้าที่เอ็กซ์คลูซีฟเข้ามาอีกด้วย อีกทั้งยังจะเน้นการจัดงานอีเวนต์ต่างๆให้หน้าร้านดูมีชีวิตชีวาขึ้น โดย Bron กล่าวว่า “ไม่ใช่แค่สินค้าที่สำคัญ การบริการและสภาพแวดล้อมเองก็สำคัญเช่นกัน”2. ปรับปรุงและขยายสาขาเพิ่มความแข็งแรง
“แม้ว่าเราจะลงทุนในเรื่องอื่นๆ ด้วย แต่หน้าร้านยังไงก็ยังเป็นหัวใจหลักของ Brand Experience” Bron กล่าวในงานแถลงข่าว โดยในปี 2022 เครือเซ็นทรัลมีแผนระดมทุนกว่า 5 พันล้านบาทในการปรับโฉมและสร้างห้างสาขาใหม่ๆ มากขึ้นในจังหวัดที่มีศักยภาพ อาทิ การเปิดห้างโรบินสันสาขาใหม่ ในอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น
3. ห้างสรรพสินค้า Omnichannel อันดับ 1 ของไทย
Bron เตรียมทุ่มงบอีกก้อนมูลค่ากว่า 3 พันล้านในด้านเทคโนโลยีล้วนๆ โดยงบนี้จะใช้ไปถึง 5 ปีด้วยกัน โดย Bron กล่าวว่า “เราอยากจะยกระดับและสร้างความแตกต่างให้กับแอป ไม่ใช่แค่พัฒนา” และ Bron ยังหวังว่าจะสามารถการลงทุนครั้งนี้จะทำให้ Central App เป็น Super App ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่เพียงประสบการณ์การช็อปที่ลื่นไหลอย่างเดียว แต่ยังมุ่งมอบประสบการณ์ที่หาที่อื่นไม่ได้อีกด้วย4. ความแตกต่างทางการตลาดที่เหนือกว่า
ห้างเซ็นทรัลและโรบินสันไม่เคยเป็นสองรองใครในเรื่องการตลาด แต่แม้จะลงทุนไปหนักขนาดไหนก็ไร้ประโยชน์หากแคมเปญการตลาดเหล่านั้นไม่ได้ไปเตะตาลูกค้า ดังนั้น Bron จึงมุ่งโปรโมตแคมเปญโฆษณาต่างๆให้มากกว่าเคย ไม่ว่าจะเป็นอีเวนต์ใหญ่ หรือแคมเปญที่แตกต่างจากเดิมก็ตาม ทั้งนี้ Bron ยังได้แอบกระซิบด้วยว่า “ปีหน้าเราจะครบรอบ 75 ปีแล้ว เรามีแคมเปญการตลาดยิ่งใหญ่แน่ๆ และแคมเปญนั้นก็ยังจะสื่อให้เห็นด้วยว่าเราวางแผนทำอะไรต่อไปในอนาคต”5. การบริการมาตรฐานสูงสุด
Bron กล่าวว่าเขารู้สึกประทับใจกับมาตรฐานการบริการของห้างในไทยมากเมื่อแต่เชื่อว่าทางเครือเซ็นทรัลสามารถมีมาตรฐานที่สูงขึ้นได้อีก หน่ำซ้ำในปัจจุบัน ผู้ค้าไม่สามารถปฏิเสธลูกค้าได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าการที่อาจจะไม่มีสิ่งที่ลูกค้าตามหาในอดีตจะไม่ใช่เรื่องสาหัสอะไร แต่ในปัจจุบันที่สินค้าทุกอย่างอยู่ที่ปลายนิ้วของลูกค้า การปฏิเสธลูกค้าก็เปรียบเสมือนการยิงตัวเองชัดๆ โดยยุทธศาสตร์ที่จะนำมาแก้ไขปัญหาตรงนี้มีทั้งตัว Central App, Personal Shopper กว่า 1,000 คนที่มีอยู่ปัจจุบัน รวมถึงการตกแต่งร้านและสร้างบรรยากาศดีๆ อีกด้วย6. มัดใจลูกค้าด้วยแคมเปญที่ตอบโจทย์มากขึ้น
ลูกค้าในปัจจุบันรู้สึกรำคาญเมื่อได้รับข่าวสารเกี่ยวกับโปรโมชั่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา อีกทั้ง Bron ยังได้กล่าวอีกว่า “คนไทยรู้สึกเต็มอกเต็มใจที่จะเข้าร่วมโปรโมชั่นมากกว่า [คนฝรั่งเศส] และมีความรู้เรื่องโปรโมชั่นเยอะเลยทีเดียว พวกเขาเปรียบเทียบ และตามหาโปรโมชั่นดีๆ เก่งมาก” ดังนั้น เครือเซ็นทรัลจึงวางแผนนำดาต้าจากฐานข้อมูล The1 ที่มีผู้ใช้งานกว่า 18 ล้านคน มานำเสนอโปรโมชั่นที่ Personalized และตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุดมากนำเสนอให้กับพวกเขาเป็นรายบุคคลไป อีกทั้งกลยุทธ์นี้จะถูกนำไปใช้กับเหล่านักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะหลั่งไหลเข้ามาเร็วๆ นี้ด้วย เสาหลักทั้ง 6 นี้ตั้งอยู่บนวิสัยทัศน์ที่ว่า ห้างเซ็นทรัลและโรบินสันเติบโตจากรากฐานที่มั่นคง และพร้อมที่จะขับเคลื่อนห้างทั้ง 2 มุ่งหน้าไปได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ตอกย้ำการเป็นผู้นำแห่งวงการค้าปลีกไทย และเป็น “ศูนย์กลางชีวิตของทุกคน” และได้ตั้งเป้า 5 ปี (2021-2026) ไว้ว่ายอดขายจะต้องเติบโตถึงสองเท่าเลยทีเดียวโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
Bron เปรียบการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นเสมือนเสาหลักต้นที่ 7 โดยเสาหลักต้นนี้จะมุ่งช่วยให้ชุมชนทั้งหลายยืดหยัดด้วยตัวเองได้ และช่วยให้สิ่งแวดล้อมยืนเคียงข้างมนุษย์ต่อไปในยามที่ปัญหาโลกร้อนเป็นสิ่งที่เราหนีไม่พ้น
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine