JWD Group: คว้าโอกาสโลจิสติกส์ใน CLMV - Forbes Thailand

JWD Group: คว้าโอกาสโลจิสติกส์ใน CLMV

“ร้านพิซซ่าที่พม่าเหมือนร้าน McDonald’s ตอนเปิดที่โซโก้ คนต่อคิวยาว ขาย 4 ชั่วโมงต้องปิดร้าน เพราะไม่มีวัตถุดิบ” ชวนินทร์ฉายภาพให้เห็นความต้องการ และกำลังซื้อของผู้บริโภคในเมียนมาร์ ที่มากเกินสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่หลั่งไหลเข้าไปลงทุนในขณะนี้ เปรียบเทียบกับกระแสความนิยมคนกรุงเทพฯ ต่อเชนฟาสต์ฟู้ดจากสหรัฐฯ ที่เข้าไทยเมื่อราวสองทศวรรษก่อน

เมื่อโอกาสสำหรับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศเพื่อนบ้านรอบไทยมีมหาศาล ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษฎา CEO แห่ง บริษัท JWD Infologistics จำกัด ย่อมเห็นโอกาสของธุรกิจขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ในบริษัทของเขา ที่สืบทอดจากรุ่นพ่อ จนสร้างรายได้รวม 2.6 พันล้านบาทในปีที่แล้ว ให้ขยายออกไปสู่ภูมิภาค พร้อมวางแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2558 ย้อนกลับไป 35 ปีที่แล้ว บิดาผู้ล่วงลับของชวนินทร์คือ วิทยา นำประสบการณ์จากการทำงานในบริษัทบริการขนย้ายอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน และสำนักงาน ทั้งภายในและระหว่างประเทศจากสหรัฐฯ มาร่วมหุ้นกับเพื่อนอีก 2 คน ก่อตั้งบริษัทเจวีเค อินเตอร์เนชั่นแนล มูฟเวอรส์ จำกัด (JVK International Movers) ให้บริการขนย้ายของใช้ และเครื่องเรือนภายในบ้าน ออฟฟิศ และเครื่องจักรโรงงานนับตั้งแต่ปี 2522 และขยายธุรกิจสู่ บริษัท เบญจพรแลนด์ จำกัด ดำเนินการจัดหาที่ดินสำนักงานและคลังสินค้าให้เช่าที่มีนบุรีพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร ในปี 2532 และบริษัทดาต้าเซฟ จำกัด ธุรกิจบริการจัดการเอกสารและข้อมูลแบบครบวงจรในปี 2534 ธุรกิจหลักของครอบครัวเริ่มต้นขึ้นในปี 2536 พร้อมกับการเริ่มทำงานครั้งแรกของทายาทรุ่นสองใน บริษัท เจวีเค แวร์เฮาส์แอนด์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด (JVK Warehouse & Distribution) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่เชี่ยวชาญด้านคลังสินค้าทั่วไป คลังสินค้าปลอดภาษี และคลังสินค้าอันตราย ชวนินทร์เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ JVK Warehouse & Distribution ในปี 2540 เป็นเวลา 2 ปี หลังจบการศึกษา “เริ่มงานวันแรกในห้องเล็กๆ มีโต๊ะอยู่ 4 ตัวบนชั้น 4 คุณพ่อวางไว้ว่าให้รับผิดชอบแค่บริษัทนี้ จนกระทั่งปี 2548 คุณพ่อเสีย ผมจึงบริหารทั้งกลุ่มและปรับโครงสร้างใหม่ ก่อนจะขยายบริษัท” CEO หนุ่มวัย 38 ย้อนความหลัง ต่อมาชื่อของ JVK Warehouse & Distribution ถูกเปลี่ยนเป็น JWD Infologistics เพื่อประกาศความพร้อมขยายขอบเขตของธุรกิจที่มากกว่าการให้บริการขนย้าย งานคลังสินค้า หรือการจัดเก็บเอกสารและข้อมูล โดยกำหนด key milestone ของบริษัทใหม่ คือ การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรครอบคลุมทุกภาคอุตสาหกรรม และก้าวไกลถึงอาเซียน ล่าสุดในปี 2556 ชวนินทร์ขยายธุรกิจในกลุ่มอาหารและห้องเย็น ได้แก่บริษัท JPK Cold Storage และบริษัท Pacific Cold Storage ประกอบด้วย ห้องเย็นที่มหาชัยจำนวน 60,000 ตัน บางนา 20,000 ตันและสุวินทวงศ์ 20,000 ตัน โดยเป็นธุรกิจใหม่ที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังเป็นธุรกิจที่ได้รับการหมายมั่นให้เป็นอาวุธหลักของบริษัท JWD Asia ซึ่งให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในตลาดอาเซียนที่เปิดให้บริการแล้วเมื่อปี 2556 “ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทุกครั้ง เพราะถูกที่ ถูกเวลา ถ้าเราช้าไปเสี้ยววินาที อาจจะถูกที่ แต่ไม่ถูกเวลา เพราะมีคนอื่นเข้าไปแล้ว ดังนั้น ผมจึงบอกว่า ตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่สุดที่ต้องเข้าไป” จากแผนขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้ชวนินทร์ตัดสินใจนำธุรกิจครอบครัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครึ่งหลังของปี 2558 เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทโลจิสติกส์ประเทศไทยที่เจริญเติบโตอย่างมั่นคง และแข็งแกร่งในภูมิภาค พร้อมการเติบโตด้านรายได้ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2563
“เราต้องการเป็น key player จึงต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เราต้องการเปลี่ยนวัฒนธรรมของบริษัท ใส่ความเป็นมืออาชีพมากขึ้นให้สอดคล้องกับการเข้าสู่ international สุดท้ายผมอยากให้บริษัทมั่นคง โดยไม่ต้องมีผมก็ได้”

ติดตามอ่าน "JWD Group: คว้าโอกาสโลจิสติกส์ใน CLMV" ฉบับเต็มได้ ใน Forbes Thailand ฉบับ OCTOBER 2014