จีนสนใจซื้อลงทุนมากกว่าอยู่เอง
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากต่างประเทศทยอยเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นทุกปีๆ โดยเฉพาะจากประเทศจีนหรือว่าเป็นนักลงทุนสัญชาติจีนที่ใช้ภาษาจีนกลางเป็น 1 ในภาษาหลักเช่น ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นต้น ก่อนหน้านี้อาจจะมีจำนวนไม่มากนัก และเป็นการร่วมทุนแบบรายโครงการพัฒนาร่วมกับผู้ประกอบการไทยเป็นรายโครงการจบโครงการแล้วก็จบการร่วมมือกันไปจำนวนของผู้ประกอบการและนักลงทุนสัญชาติจีนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องนี้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของผู้ซื้อชาวจีนในตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทย (อ้างอิงจากรายงานธนาคารแห่งประเทศไทย) เพราะตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ที่ตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทยมีสัดส่วนของผู้ซื้อคอนโดมิเนียมจากประเทศจีนมากกว่าผู้ซื้อชาติอื่นๆ แบบชัดเจน ซึ่งเป็นการเข้ามาซื้อเพื่อลงทุนมากกว่าซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเพราะในประเทศจีนนั้นจะโดนบังคับไม่ให้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้แบบอิสระเมื่อเทียบกับในประเทศไทย จากการสำรวจโดย Juwai.com กรุงเทพฯ ได้รับการจัดให้เป็นอันดับ 2 ของตลาดอสังหาฯ ที่ดึงดูดที่สุดสำหรับผู้ซื้อชาวจีนที่สนใจอสังหาฯ ต่างชาติทั้งจากความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวการเป็นหนึ่งในสถานที่เป้าหมายหลักภายใต้นโยบายOne Belt One Road ของจีน ตลอดจนราคาอสังหาฯ ที่ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง แนวโน้มเช่นนี้ทีท่าให้ผู้ประกอบการจากประเทศจีนเอง ก็เล็งเห็นถึงกำลังซื้อของชาวจีนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน อีกทั้งผู้ประกอบการจากประเทศจีนเองก็ได้รับผลกระทบจากการควบคุมของรัฐบาลจีนเช่นกัน จึงเริ่มขยับขยายออกไปนอกประเทศมากขึ้น โดยผู้ประกอบการชาวจีนนั้นเลือกเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะยังเป็นรองฮ่องกง สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลียแต่ก็มากกว่าสหภาพยุโรป อาจจะเพราะว่ากลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพิ่งเริ่มขยายตัว มูลค่าการลงทุนจึงไม่สูงมากนักแต่ก็มีแนวโน้มมากขึ้นแน่นอนในอนาคตแรงซื้อจีนหนุนอสังหาฯ ไทยเติบโตการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่สูงมากเป็น อีกปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อจากประเทศจีนเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งประเทศไทยต่อเนื่อง ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย เพราะมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่จะอาศัยการมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพื่อการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีแนวโน้มที่มากขึ้นเรื่อยๆ ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และก็อาจจะเป็นการดึงดูดผู้ประกอบการชาวจีนให้เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นในอนาคต จากที่ปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 19 บริษัท แต่ก็มีบางรายที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่อีกทั้งยังมีบริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของประเทศจีนอีกหลายรายที่มีรายได้ต่อปีเกินล้านล้านบาทอาจจะเข้ามาในประเทศไทยในอนาคตซึ่งแน่นอนว่าถ้าผู้ประกอบการกลุ่มนี้เข้ามาจะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เพราะผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีบริษัทที่ประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และเป็นที่รู้จักของผู้ซื้อชาวจีนอยู่แล้วในช่วงปี 2560-2561 ยอดการซื้อตลาดคอนโดมิเนียมในไทย คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำว่าแสนล้านบาทแล้วโดยเฉพาะปีที่ผ่านมาชาวต่างชาติเข้าซื้อสูงถึง 7.6 หมื่นล้านบาทในจำนวนดังกล่าว แบ่งเป็นชาวจีน- ฮ่องกงมากที่สุด 2.3 หมื่นล้านบาท รองลงมาเป็นสิงคโปร์อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน และญี่ปุ่น ตามลำดับ เรื่อง: กัญสุชญา สุวรรณครคลิกอ่านครบทุกเรื่องราวจาก "เปิดวิเคราะห์อสังหาฯ สุดหรูในเมืองไทย Luxurious Living นิยามแห่งชีวิตเหนือระดับ" ForbesLife Thailand ฉบับพิเศษ November 2018