Cartier แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติฝรั่งเศสเผยแพร่รายงานเนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปีของ “Cartier Women’s Initiative” โครงการสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิงให้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับโลก
นับตั้งแต่ปี 2549 โครงการ Cartier Women’s Initiative ช่วยขับเคลื่อนและส่งเสริมผู้ประกอบการหญิงให้บรรลุศักยภาพสูงสุด พร้อมทั้งให้การสนับสนุนทุนทรัพย์ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านสังคมและด้านบุคลากรเพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างทักษะความเป็นผู้นำ เปิดกว้างแก่ธุรกิจที่มีผู้หญิงเป็นผู้บริหารงานและเป็นเจ้าของกิจการจากทุกประเทศที่มีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกที่แข็งแกร่งต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ทางโครงการได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการหญิงผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งหมด 262 รายจาก 62 ประเทศ และมอบทุนทรัพย์รวมกว่า 222.4 ล้านบาท (6.44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพื่อช่วยสนับสนุนธุรกิจที่มีจุดมุ่งหมายอันหนึ่งเดียว ซึ่งก็คือการแก้ไขปัญหาอันเร่งด่วนของโลกใบนี้
ทั้งนี้ หลังจากการเฉลิมฉลองความสำเร็จเมื่อวันสตรีสากลในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ณ World Expo เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โครงการ Cartier Women’s Initiative มุ่งมั่นหาหนทางที่จะขยายโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอันดีทั่วโลก เพื่อตอกย้ำและสร้างความมั่นใจว่าโครงการนี้ได้ดำเนินการควบคู่ไปกับระบบนิเวศของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ
และเพื่อต่อยอดการเปลี่ยนแปลงอันสำคัญที่เกิดจากการดำเนิน จึงมีการมอบรางวัล Impact Awards จำนวน 9 รางวัลเป็นครั้งแรกให้แก่อดีตผู้ได้รับการสนับสนุนจากโครงการที่ดำเนินธุรกิจที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมหาศาล แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทการยกระดับคุณภาพชีวิต (Improving Lives) ประเภทการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Preserving the Planet) และประเภทการสร้างโอกาส (Creating Opportunities) ซึ่งรางวัลทั้ง 3 ประเภทมีพื้นฐานมาจากแผนพัฒนาด้านความยั่งยืนของสหประชาชาติ
โดยในปีนี้ โครงการ Cartier Women’s Initiative ที่กำลังเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการประจำปี 2023 ได้ขยายประเภทรางวัลเพิ่มขึ้น ได้แก่ Regional Award และ Thematic Award
รางวัลประเภท Regional Awards
เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีและขยายการสนับสนุนไปยังหลายภูมิภาคมากขึ้น โครงการ Cartier Women’s Initiative ขยายประเภทรางวัลอีก 2 ภูมิภาค ได้แก่ ภูมิภาคแอฟริกา-ใต้ซาฮารา และภูมิภาคโอเชียเนีย โดยแต่ในทุกภูมิภาคจะมีผู้ที่มีสิทธิ์รับรางวัล ภูมิภาคละ 3 คน รวมทั้งหมด 27 ท่าน ที่จะเป็นตัวแทนของแต่ละภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ 1) ละตินอเมริกาและแคริบเบียน 2) อเมริกาเหนือ 3) ยุโรป 4) แอฟริกา-ใต้ซาฮารา 5) แอฟริกา 6) ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ 7) เอเชียตะวันออก 8) เอเชียใต้และเอเชียกลาง 9) โอเชียเนีย โดยรายชื่อผู้ชนะทั้ง 27 ท่านนี้จะประกาศผลในเดือนเมษายน 2566
รางวัลประเภท Thematic Awards: รางวัล Diversity, Equity และ Inclusion Award
รางวัล Thematic Award ประกอบด้วย รางวัล Science & Technology Pioneer Award ที่ริเริ่มขึ้นในปี 2564 และ รางวัล Diversity, Equity และ Inclusion Award ที่จัดตั้งในปีนี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมกิจการที่ออกแบบมาเพื่อลดช่องว่างของการเข้าถึง ผลลัพธ์และโอกาสสำหรับชุมชนด้อยโอกาสที่ไม่ได้รับการใส่ใจเท่าที่ควร และในขณะที่รางวัลอื่นๆ ของโครงการ Cartier Women’s Initiative อาทิ รางวัล Regional Award และ รางวัล Thematic Award มุ่งเน้นเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการหญิง รางวัล Diversity, Equity และ Inclusion Award เปิดกว้างแก่นักธุรกิจทั้งชายและหญิง
รางวัล Science & Technology Pioneer Award และรางวัล Diversity, Equity และ Inclusion Award จะมีผู้ได้รับการคัดเลือกรางวัลละ 3 คน โดยรายชื่อผู้ชนะทั้งหมด 6 ท่านจะประกาศผลในเดือนเมษายน 2566
กระบวนการคัดเลือก
กระบวนการคัดเลือกแบ่งเป็น 2 รอบ ได้แก่ การคัดเลือกผู้ได้รับรางวัล และการจัดลำดับการรับรางวัลที่ 1 รางวัลที่ 2 และรางวัลที่ 3
• รอบที่ 1: เดือนเมษายน 2566 คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครจำนวน 3 ท่านจากรางวัลแต่ละประเภท
• รอบที่ 2: เดือนพฤษภาคม 2566 คณะกรรมการคัดเลือกผู้ชนะลำดับที่หนึ่ง สอง และสาม โดยจะประกาศรางวัลในพิธีมอบรางวัล ผู้ชนะรางวัลที่ 1 จะได้รับเงินทุนสนับสนุนมูลค่า 3.4 ล้านบาท (100,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ), รางวัลที่ 2 จะได้รับเงินทุนสนับสนุนมูลค่า 2 ล้านบาท (60,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ) และรางวัลที่ 3 จะได้รับเงินทุนสนับสนุนมูลค่า 1 ล้านบาท (30,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ตามลำดับ
โดยผู้ได้รับรางวัลทั้ง 33 ท่าน (27 ท่านจากรางวัล Reginal Award และ 6 ท่านจาก Thematic Award) จะได้รับคำปรึกษาที่ตรงตามแต่ละธุรกิจ พื้นที่สื่อ และโอกาสในการเน็ตเวิร์กกิ้งนอกจากนี้ ยังจะได้เข้าร่วมโครงการ INSEAD Social Entrepreneurship Program ในสถานที่จริง และ/หรือ INSEAD Executive Education Program (การตอบรับเข้าร่วมโปรแกรมขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและเกณฑ์การคัดเลือกของ INSEAD)
คุณสมบัติของผู้สมัครโครงการ Cartier Women’s Initiative
โครงการ Cartier Women’s Initiative เปิดโอกาสให้ธุรกิจทุกประเภทที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมจากทั่วโลกเข้าร่วม โดยจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจ: มีแบบจำลองธุรกิจที่ได้รับการรับรอง และดำเนินธุรกิจที่จดทะเบียนและมีใบอนุญาตถูกต้องมาเป็นเวลาตั้งแต่ 1 ถึง 6 ปี โดยทางคาร์เทียร์มุ่งให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีผู้ก่อตั้งและลูกจ้างเป็นเจ้าของกิจการเอง
- สร้างรายได้: มีรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการมาเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี ณ วันที่สมัคร
- การระดมทุน: สำหรับรางวัล Regional Awards ธุรกิจต้องไม่ได้มีทุนจากการเพิ่มจำนวนผู้ถือหุ้นมูลค่าเกิน 69 ล้านบาท (2 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจที่ได้รับเลือกมีพัฒนาการในระดับที่ใกล้เคียงกัน
- ก่อตั้งโดยผู้หญิง: เป็นธุรกิจที่ก่อตั้งโดยผู้หญิงที่มีสัดส่วนจำนวนหุ้นมากกว่า (หรือเท่ากับ) ผู้ก่อตั้งร่วมและต้องเป็นผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารหลักของบริษัท ทั้งนี้คุณสมบัติในข้อนี้จะไม่ใช้ร่วมกับรางวัล Diversity Award และรางวัล Equity Inclusion Award
- การสร้างความเปลี่ยนแปลง: ต้องมีเป้าหมายตรงกับอย่างน้อย 1 ใน 17 เป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals) ซึ่งรวมถึงหัวข้อในการพัฒนาที่เกี่ยวเนื่องกับภาคสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
- ผลกำไร: ธุรกิจต้องมีความสามารถในการทำกำไรมากพอที่จะดำเนินธุรกิจและสามารถคืนกำไรส่วนหนึ่งให้กับเจ้าของธุรกิจ ธุรกิจที่ไม่แสวงหาผลกำไรไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้
สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ Cartier Women’s Initiative ในปี 2023 สามารถส่งใบสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2565 เวลา 14.00 น. (CEST) หรือเวลา 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cartierwomensinitiative.com/
อ่านเพิ่มเติม: WOMEN are FOREVER – A vintage Cartier Collection เรือนเวลาสุภาพสตรีระดับตำนานจากทั่วทุกมุมโลกไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine