หลังความพยายามที่จะพาบริษัทเปิดขาย IPO ที่ดูเหมือนจะนำมาซึ่งมหาภัย ล่าสุด Adam Neumann ซีอีโอของ WeWork ได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว
ทั้งนี้ WeWork เป็นบริษัทที่ให้บริการ Co-Working Space ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดย Neumann และ Miguel Mckelvey ในปี 2010 และปัจจุบัน Mckelvey รับตำแหน่ง chief culture officer โดยพวกเขาสามารถขยายการเติบโตของบริษัทไปมากกว่า 100 เมืองทั่วโลก และสามารถระดมทุนจากนักลงทุนต่างชาติได้หลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ
หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาขยายธุรกิจจนเป็นมากกว่าแค่ Co-Working Space ด้วยการขยายไปสู่การให้บริการ Co-Living อย่าง WeLive หรือแม้แต่การเข้าไปเจาะด้านการศึกษาอย่างการทำโรงเรียน WeGrow และในเดือนมกราคมที่ผ่านมา พวกเขาได้รีแบรนด์บริษัทเป็น The We Company เพื่อให้ครอบคลุมธุรกิจอันหลากหลายของพวกเขา
แต่บทบาทซีอีโอของ Neumann ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังบริษัทยื่นเสนอขาย IPO ในเดือนสิงหาคมแต่ก็ต้องพบกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขาดทุน 1.9 พันล้านเหรียญของบริษัทในปี 2018, การขาดผู้หญิงในบอร์ดบริหาร จนถึงเรื่องอำนาจที่ตรวจสอบไม่ได้ของ Neumann และความขัดแย้งทางผลประโยชน์
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่าคณะกรรมการในบอร์ดบางรายซึ่งรวมถึงนักลงทุนรายใหญ่อย่าง SoftBank ต้องการปลด Neumann ออกจากตำแหน่งซีอีโอ ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากประกาศเลื่อนการ IPO ออกไปเป็นสิ้นปี
Neumann ระบุในแถลงการณ์ว่า “ขณะที่ธุรกิจของเรายังไม่แข็งแกร่ง แต่ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา การตรวจสอบที่พุ่งตรงมาที่ผมทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมีนัยสำคัญ นั่นทำให้ผมตัดสินใจว่าการก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอของผมจะเป็นประโยชน์อย่างสูงสุดกับบริษัท”
อย่างไรก็ตาม Neumann จะยังดำรงตำแหน่งประธานที่ไม่มีหน้าที่บริหาร และไม่สามารถควบคุมการลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในการโหวตของบอร์ดได้อีกต่อไป เนื่องจากสิทธิของเขาจะเหลือเพียง 3 คะแนน/หุ้น ลดลงจากเดิมที่มีสิทธิ 20 คะแนน/หุ้น
ส่วนตำแหน่งซีอีโอจะถูกแทนที่ด้วยตำแหน่ง co-CEO คือ Artie Minson ผู้เคยดำรงตำแหน่งซีเอฟโอ และ Sebastian Gunningham ผู้เคยดำรงตำแหน่งรองประธาน โดยบริษัทระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลทันที
สำหรับเอกสารที่บริษัทยื่นไฟลิ่งเมื่อเดือนก่อนและมีการแก้ไขนั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขการกำกับดูแลธุรกิจของบริษัทหลายรายการเพื่อเอาใจนักลงทุน ซึ่งรวมถึงการลดคะแนนเสียงต่อหุ้นของผู้ก่อตั้งและนักลงทุนเริ่มแรกจาก 20 คะแนน/หุ้น เหลือ 10 คะแนน/หุ้น รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถของคณะกรรมการในบอร์ดด้วยการให้อำนาจในการถอดถอนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าการเสนอขายหุ้น IPO ของ The We Company จะเกิดขึ้นเมื่อใด แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำของบริษัทแล้วก็ตาม
ในแถลงการณ์ร่วม Minson และ Gunningham กล่าวว่า “ธุรกิจหลักของเรามีความแข็งแกร่ง และเราจะมีการดำเนินงานอย่างชัดเจนเพื่อสร้างความสมดุลให้กับการเติบโตที่สูง, การทำกำไร และการสร้างประสบการณ์อันเฉพาะตัวของ WeWork ขณะเดียวกันบริษัทก็กำลังประเมินเวลาที่เหมาะสมสำหรับการ IPO ด้วย"
ก่อนหน้านี้บริษัทวางเป้าว่าจะเริ่ม IPO ด้วยมูลค่าบริษัท 4.7 หมื่นล้านเหรียญ แต่เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา Wall Street Journal รายงานว่า เจ้าของ Co-Working Space รายใหญ่นี้กำลังพิจารณาปรับลดมูลค่าของบริษัทเหลือ 2 หมื่นล้านเหรียญ ก่อนจะชะลอการ IPO ออกไปในที่สุด
สำหรับผลประกอบการของ The We Company ในครึ่งปีแรกของปี 2019 มีรายได้ 1.5 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวปีก่อนถึง 2 เท่า อย่างไรก็ตาม แม้มีรายได้เพิ่มขึ้นแต่ครึ่งปีแรกนี้พวกเขากลับขาดทุนสุทธิ 904 ล้านเหรียญ และขาดทุนสะสมรวม 4.2 พันล้านเหรียญนับตั้งแต่ปี 2016
แปลและเรียบเรียงจาก WeWork CEO Adam Neumann is stepping downไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine