โอกาสทองของสตรีมมิ่ง: ในธุรกิจบันเทิงนั้น เม็ดเงินเพียงไม่กี่บาทอาจออกดอกออกผลจนเป็นจำนวนเงินมหาศาล โดยคนดังที่ติดโผการจัดอันดับ CELEBRITY 100 ของเรากำลังขุดทองในธุรกิจบันเทิงกันอย่างสำราญ
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว Spotify ธุรกิจให้บริการสื่อดนตรีออนไลน์ (สตรีมมิ่ง) น้องใหม่โดนห้ามไม่ให้บริการในสหรัฐฯ ขณะที่ YouTube เพิ่งรุกตลาดออกอากาศรายการผ่านช่องทางออนไลน์ โดยอีก 1 ปีให้หลัง Netflix ก็เปิดตัวธุรกิจเดียวกัน ด้วยการเปิดตัวซีรีส์เรื่อง House of Cards
แม้กระทั่งในหมู่คนดังที่ติดโผการจัดอันดับ Celebrity 100 (ซึ่งเป็นการจัดอันดับคนดังที่ทำรายได้ต่อปีสูงที่สุดในโลก) ก็เช่นกัน การทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากช่องทางสตรีมมิ่งเมื่อ 5 ปีก่อนยังเป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ แต่เพียงพริบตาเดียวสถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ปัจจุบันสตรีมมิ่งกลายเป็นช่องทางบริโภคดนตรีที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยข้อมูลจาก Nielsen ระบุว่า สตรีมมิ่งมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ปีละ 76% ขณะเดียวกัน YouTube กลายเป็นช่องทางสร้างคนดังสายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า “YouTube Star” ส่วน Netflix ก็อยู่ระหว่างวางแผนลงทุนผลิตเนื้อหาอีกนับหลายร้อยล้านเหรียญเลยทีเดียว
แม้ว่ารายได้รวมของเหล่าเซเลป 100 คนในโผของเราปีนี้จะทรงตัวจากปีที่แล้วอยู่ที่กว่า 5 พันล้านเหรียญ แต่รายได้ที่รับตรงจากช่องทางสตรีมมิ่งกลับทะยานจาก 177 ล้านเหรียญมาเป็น 387 ล้านเหรียญ สำหรับศิลปินดนตรีแล้ว รายได้เพียงไม่ถึง 1 เพนนีต่อการเข้าฟังดนตรีสตรีมมิ่ง 1 ครั้งอาจฟังดูไม่มากนัก แต่ก็เป็นรายได้เสริมก้อนงามให้กับศิลปินทั้ง 14 คนที่ติดโผการจัดอันดับของเรา ซึ่งทำเงินรวมกันแตะ 1 พันล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา
ส่วนนักแสดงตลกที่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่น ไม่ว่าจะเป็น Adam Sandler ไปจนถึง Chris Rock นั้น ทำรายได้จาก Netflix เป็นตัวเลข 8 หลัก ส่วนดาราที่ผันตัวมาเป็นพิธีกรอย่าง Ellen DeGeneres หรือ Dwayne Johnson เจ้าของฉายา “The Rock” ในเวลานี้ก็หันมาลงทุนในธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งของตัวเองแล้ว เช่นเดียวกับ Dr. Dre เจ้าของค่าย Beats Music และ Jay Z แห่งค่าย Tidal ในธุรกิจสื่อดนตรีนั่นเอง
ช่องทางสตรีมมิ่งยังเปิดโอกาสทองที่จะทำเงินทางอ้อมอีกด้วย อย่าง Abel Tesfaye หรือ “The Weeknd” มีการออกอากาศการแสดงของเขา 5,500 ครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนนำมาสู่การทัวร์คอนเสิร์ตการันตีรายได้เหนาะๆ 75 ล้านเหรียญ ซึ่งเขายกความดีความชอบให้กับรูปแบบการสร้างรายได้ที่เขายึดปฏิบัติ นั่นคือ สร้างผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศ เปิดช่องทางกระจายสินค้าอย่างกว้างขวาง จากนั้นเมื่อได้เวลาอันเหมาะเจาะ เงินก็จะไหลมาเทมา
พบกับ 10 อันดับแรก Celebrity 100 การจัดอันดับคนดังที่ทำรายได้สูงสุดในโลก ประจำปี 2017 ได้ที่นี่ พร้อมอีก 9 คนดังดาวรุ่งที่น่าจับตาในการจัดอันดับครั้งนี้
วิธีคำนวณ การจัดอันดับ Celebrity 100 ใช้การคำนวณรายได้ก่อนหักภาษี ภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2016 ถึง 1 มิถุนายน 2017 โดยรายได้ดังกล่าวเป็นรายได้ก่อนการหักค่าใช้จ่ายของตัวแทน ทนายความ และผู้จัดการ ตัวเลขในการจัดอันดับอ้างอิงมาจาก IMDB, Neilsen และ Pollstar รวมถึงการสัมภาษณ์จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบันเทิงและบรรดาคนดังที่ตอบคำถามด้วยตัวเอง
อันดับ 1 Diddy (Sean Combs)
ศิลปิน
สหรัฐฯ
130 ล้านเหรียญ
เกือบ 2 ทศวรรษหลังจากที่ Diddy เคยขึ้นปกการจัดอันดับ Celebrity 100 ฉบับแรกของเรา เขาก็ทะยานสู่อันดับ 1 ได้สำเร็จ จากผลงานแสดงทัวร์รายการ Bad Boy Family Reunion Tour รวมทั้งการจับมือเป็นพันธมิตรกับวอดก้า Ciroc ของ Diageo และยังขายหุ้นธุรกิจเสื้อผ้า Sean John ของตัวเองไปอีก 1 ส่วน 3 ได้เงินมา 70 ล้านเหรียญ
อันดับ 2 Beyonce
ศิลปิน
สหรัฐ
105 ล้านเหรียญ
Queen B รับทรัพย์เป็นตัวเลข 9 หลักในปีนี้ ต้องขอบคุณแหล่งรายได้หลักของเธอคือการจัดคอนเสิร์ต Formation World Tour ซึ่งเสร็จสิ้นลงในช่วงปลายปี 2016 และทำรายได้รวมไปกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะนี้เธอหยุดพักการแสดงไว้ก่อนหลังจากที่เธอและสามี Jay Z มีทายาทในครอบครัวเพิ่มเป็นฝาแฝดชายหญิง Rumi และ Sir Carter
อันดับ 3 J.K.Rowling
นักเขียน
สหราชอาณาจักร
95 ล้านเหรียญ
นักเขียนนิยายชาวอังกฤษกลับมาร่ายเวทมนตร์อีกครั้งกับการร่วมเขียนบทละครเวที “Harry Potter and the Cursed Child” ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดีที่สุดในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2016 ด้วยยอดขายในประเทศกว่า 4.5 ล้านเล่ม และบัตรละครเวทีก็ขายหมดเกลี้ยงไปจนถึงปี 2018 Rowling ยังได้รับรายได้อย่างต่อเนื่องจากสวนสนุก Universal Studio ที่นำ Harry Potter ไปจัดเป็นธีมปาร์ค รวมถึงรายได้จากภาพยนตร์เรื่องล่าสุด “Fantastic Beasts and Where to Find Them”
อันดับ 4 Drake
ศิลปิน
แคนาดา
94 ล้านเหรียญ
Drake คือศิลปินที่มีคนสตรีมมิ่งเพลงของเขามากที่สุดในโลกในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ปีนี้แหล่งรายได้หลักของเขามาจากการจัดคอนเสิร์ต Boy Meets World Tour ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปหมาดๆ และยังได้เซ็นสัญญาโฆษณากับอีกหลายแบรนด์ดัง ได้แก่ Apple, Sprite และ Nike
อันดับ 5 Cristiano Ronaldo
นักกีฬา
โปรตุเกส
93 ล้านเหรียญ
ปีที่แล้ว Ronaldo ได้รับตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลจาก FIFA เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน และได้เซ็นต่อสัญญากับสโมสรฟุตบอล Real Madrid ซึ่งจะทำให้เขาทำเงินได้อีกไม่ต่ำกว่า 50 ล้านเหรียญต่อปีในอีก 4 ปีข้างหน้า นอกจากนี้เขายังได้ลงนามสัญญาพรีเซนเตอร์แบบตลอดชีวิตกับ Nike มูลค่า 1 พันล้านเหรียญอีกด้วย ปีที่ผ่านมาหลังจาก Ronaldo พาทีมชาติโปรตุเกสชนะการแข่งขัน UEFA Euro ประเทศบ้านเกิดของ Ronaldo จึงเปลี่ยนชื่อสนามบินนานาชาติเป็นชื่อของ Ronaldo เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
อันดับ 6 The Weeknd
ศิลปิน
แคนาดา
92 ล้านเหรียญ
ชาวเมือง Toronto ผู้นี้กลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในโลกศิลปิน มีการออกอากาศการแสดงของเขา 5,500 ครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนนำมาสู่การทัวร์คอนเสิร์ตการันตีรายได้เหนาะๆ 75 ล้านเหรียญ “ศิลปินไม่ได้ทำเงินจากดนตรีด้วยวิธีการแบบเดียวกับที่เคยเป็นมาในยุคทองแล้ว รายได้จะยังไม่มาจนกว่าคุณจะขึ้นแสดงบนเวทีนั่นแหละครับ” The Weeknd กล่าวกับ Forbes
อันดับ 7 Howard Stern
นักจัดรายการทีวี/วิทยุ
สหรัฐ
90 ล้านเหรียญ
นักจัดรายการวิทยุที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สูงรายนี้ทำเงินส่วนใหญ่จากการเซ็นสัญญาเป็นตัวเลข 8 หลักกับ SiriusXM (ช่องวิทยุแบบสตรีมมิ่งออนไลน์) แต่ดิจิทัลเวนเจอร์เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือและการสตรีมมิ่งที่เขาเพิ่งลงทุนไปนั้น อาจจะกลายเป็นแหล่งรายได้หลักของ Stern ในอนาคตก็เป็นได้
อันดับ 8 Coldplay
ศิลปิน
สหราชอาณาจักร
88 ล้านเหรียญ
ศิลปินป๊อป-ร็อคชาวอังกฤษเริ่มต้นการทัวร์แสดงสด Head Full of Dreams Tour เมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา การเดินสายทัวร์รอบโลกของพวกเขาทำรายได้เฉลี่ย 5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเมืองที่จัดแสดง การทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้น่าจะช่วยกรุยทางไปสู่การทำรายได้สูงสุดที่พวกเขาเคยทำมา
อันดับ 9 James Patterson
นักเขียน
สหรัฐฯ
87 ล้านเหรียญ
นักเขียนที่รวยที่สุดในสหรัฐอเมริการายนี้ขายหนังสือไปได้ 9.5 ล้านเล่มภายในปีเดียว และหนังสือหลายเล่มของเขากำลังได้รับการดัดแปลงไปเป็นบทละครโทรทัศน์ Patterson ยังทำเงินก้อนใหญ่เป็นตัวเลข 7 หลักจากการตกลงเซ็นสัญญาเขียนหนังสือนิยายแนวเขย่าขวัญร่วมกับอดีตประธานาธิบดี Bill Clinton
อันดับ 10 LeBron James
นักกีฬา
สหรัฐฯ
86 ล้านเหรียญ
นักกีฬาผู้ครองตำแหน่ง MVP จากรายการ NBA ถึง 4 ครั้งรายนี้กลับมาอยู่กับทีม Cleveland Cavaliers เมื่อเดือนกรกฎาคม 2014 และนำแชมป์รายการ NBA มาสู่ทีมแห่งเมือง Cleveland สำเร็จในปี 2016 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 52 ปีที่ทีมชนะรายการหลักของการแข่งขันบาสเก็ตบอล หลังจากชัยชนะดังกล่าว LeBron ต่อสัญญากับทีมไปอีก 3 ปี คิดเป็นมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้ 31 ล้านเหรียญในฤดูกาล 2016-17 ทำให้เขาเป็นนักกีฬา NBA คนที่สามต่อจาก Michael Jordan และ Kobe Bryant ที่ได้รับรายได้มากกว่า 30 ล้านเหรียญในฤดูกาลเดียว
อันดับ 14 Lionel Messi
นักกีฬา
อาร์เจนตินา
80 ล้านเหรียญ
หากนับเฉพาะวงการฟุตบอล Messi เป็นนักเตะที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจาก Ronaldo และถ้านับวงการกีฬาทั้งหมด เขาคือนักกีฬาที่ทำรายได้เป็นอันดับ 3 ของโลก สำหรับรายได้ราว 2 ส่วน 3 ของ Messi มาจากค่าเหนื่อยที่ได้รับจากสโมสร FC Barcelona ที่เหลือมาจากแบรนด์สินค้าผู้สนับสนุน อาทิ Adidas, EA Sports และ Gatorade
อันดับ 18 Adele
ศิลปิน
สหราชอาณาจักร
69 ล้านเหรียญ
แม้ว่านักร้องสาวจะหารครึ่งเงินรางวัล Album of the Year Grammy กับ Beyoncé แต่เธอก็ยังรับเงินจากส่วนอื่นๆ มาเต็ม ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตระเวนทัวร์คอนเสิร์ต แม้ว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอจะปฏิเสธสัญญาผู้สนับสนุนคิดเป็นมูลค่าหลายล้านเหรียญแล้วก็ตาม
อันดับ 39 Jackie Chan
นักแสดง
จีน
49 ล้านเหรียญ
Chan เจ้าของฉายา “Big Brother” ในประเทศจีน ประสบความสำเร็จอย่างมากมายในตลาดภาพยนตร์ที่ร้อนแรงที่สุดในโลก แต่รายได้ส่วนมากกลับมาจากภาพยนตร์ที่ฉายในจีนซึ่งเราอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ ล่าสุดคือเรื่อง Railroad Tigers กับ Kung Fu Yoga
อันดับ 49 Taylor Swift
ศิลปิน
สหรัฐฯ
44 ล้านเหรียญ
ในปี 2016 เธอทำเงินได้มากถึง 170 ล้านเหรียญ ส่วนมากมาจากทัวร์คอนเสิร์ต 1989 World Tour ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากนั้นแม้จะเป็นปีที่เธอไม่มีผลงานเพลงใหม่ออกมา แต่ก็ยังทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากยอดขายอันแข็งแกร่งจากผลงานเพลงที่มีอยู่ ตลอดจนสัญญากับ Keds, Apple และ AT&T
อันดับ 53 Steve Harvey
พิธีกรทอล์คโชว์
สหรัฐฯ
42.5 ล้านเหรียญ
พิธีกรรายการทอล์คโชว์คนดังติดโผการจัดอันดับด้วยอานิสงส์รายได้จากเรื่อง Family Feud, Little Big Shots และรายการทอล์คโชว์ชื่อเดียวกับเจ้าตัว รวมทั้งพิธีกรบนเวทีประกวด Miss Universe ซึ่งเขายังคงไม่ตกงานแม้ว่าจะประกาศชื่อตำแหน่งนางงามประจำปี 2015 ผิดคนก็ตาม
อันดับ 59 Kylie Jenner
คนดัง
สหรัฐฯ
41 ล้านเหรียญ
ในวัยเพียง 19 ปี เธอเป็นบุคคลอายุน้อยที่สุดที่ติดโผการจัดอันดับและเป็นทายาทรุ่นเล็กของตระกูล Kardashian-Jenner ทำรายได้ส่วนหนึ่งจากงานโฆษณา รายการเรียลลิตี้โชว์ของครอบครัว ธุรกิจแฟชั่นและบริษัทเครื่องสำอางชื่อเดียวกัน
อันดับ 70 Tiger Woods
นักกีฬา
สหรัฐฯ
37.1 ล้านเหรียญ
Woods อาจจะไม่ต้องรับโทษหนักหลังก่อเหตุดื่มแล้วขับ แต่ก็ใช่ว่าพญาเสือจะได้ออกมาคำรามในเร็วๆ นี้ เพราะเขาอาจจะต้องสูญเสียสัญญาสนับสนุนก้อนโตที่รวมแล้วคิดเป็นสัดส่วนที่สูงจนน่าตกใจที่ 99.7% ของรายได้ทั้งหมด
อันดับ 71 (ร่วม) Dolly Parton
นักดนตรี
สหรัฐฯ
37 ล้านเหรียญ
ราชินีเพลงคันทรี่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการตระเวนทัวร์คอนเสิร์ต โดยในเมืองหนึ่งๆ ที่เธอเดินทางไปเปิดการแสดงนั้น เธอทำเงินได้กลางๆ หลักแสน (ระหว่างที่เรารวบรวมข้อมูลนั้น เธอเปิดการแสดง 63 ครั้ง) เมื่อรวมรายได้จากการทัวร์คอนเสิร์ต บวกกับรายรับจากสวนสนุก Dollywood ทำให้ Parton วัย 71 ปี ติดโผการจัดอันดับเป็นครั้งแรก
อันดับ 88 Usain Bolt
นักกีฬา
จาเมกา
34.2 ล้านเหรียญ
ชายผู้วิ่งเร็วที่สุดในโลกอาจจะยุติเส้นทางวิ่งในเวทีโอลิมปิกลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเขาเตรียมอำลาวงการอย่างเป็นทางการหลังจบศึกชิงแชมป์โลกในปีนี้ แต่จนถึงวันนี้ แบรนด์ดังอย่าง Mumm, Advil และ Sprint ยังคงจ่ายเงินให้เขาอย่างต่อเนื่อง