UHNWI คือบุคคลที่มีมูลค่าทรัพย์สินเกิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ และในกลุ่มเศรษฐีจากทั่วโลก เศรษฐี UHNWI แห่งเอเชียถือเป็นกลุ่มผู้ซื้อและนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจมากที่สุด จากจำนวนเศรษฐีใหม่ที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ในโลก โดยข้อมูลจาก WealthInsight ที่สำรวจความมั่งคั่งของเศรษฐีทั่วโลกระบุว่า ในปี 2014 จำนวน UHNWI ในเอเชียขยายตัว 3.5% จากปี 2013 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่เติบโต 3% เป็น 172,850 คน ทั้งนี้ บรรดา UHNWI ทั่วโลกกว่า 1.7 แสนคนนี้ถือครองทรัพย์สินรวมกันมูลค่ากว่า 20.8 ล้านล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นมาอีก 7 แสนล้านเหรียญจากปี 2013 และในจำนวนนี้มีอยู่ 38,280 คนที่มีสมบัติเกิน 100 ล้านเหรียญ หรือเพิ่มขึ้นมา 1,180 คนในปีเลยทีเดียว
ทั้งนี้ Knight Frank ได้จัดทำ ดัชนีที่อยู่อาศัยระดับหรูทั่วโลก (Prime International Residential Index) โดยดัชนีที่อยู่อาศัยระดับหรูในสหรัฐมีราคาขยับขึ้นแรงกว่าใคร ด้วยเมืองใหญ่ในสหรัฐติดไปถึง 4 อันดับจาก 10 อันดับแรกของเมืองที่มีอัตราราคาขยับขึ้นมากที่สุด สำหรับเอเชียมีเมืองใหญ่ๆ ติดในดัชนี 100 เมืองใหญ่ อาทิ Shanghai, Beijing, Taipei แต่สำหรับ Singapore รั้งอันดับ 98 อย่างน่าผิดหวังเพราะราคาตกถึง 12.4% จากนโยบายรัฐที่ออกมาตรการควบคุมราคาที่อยู่อาศัยด้วยการเพิ่มภาษีและการแทรกแซงตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ขณะที่ ในประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลยกเลิกการเว้นภาษีกำไรจากการขายทรัพย์สินสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีถิ่นพำนักในประเทศอังกฤษ รวมทั้ง New York และ Paris ก็เริ่มพิจารณาภาษีอสังหาริมทรัพย์ฉบับใหม่กันเลยทีเดียว แม้มีการควบคุมการถือครองกรรมสิทธิ์ของต่างชาติ แต่การซื้อที่อยู่อาศัยในต่างประเทศก็ยังได้รับความนิยม โดยหนึ่งในเทรนด์หลัก คือ ซื้อที่อยู่อาศัยในต่างประเทศเพื่อการศึกษาของบุตรหลาน ซึ่งเมืองยอดนิยมอันดับ 1 ก็หนีไม่พ้น London และเป็นเทรนด์ของเศรษฐีในไทยที่เข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ใน London เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะแกว่งตัวแค่ไหน London ยังเป็นเมืองอันดับ 1 ที่เศรษฐีทั่วโลกอยากมีบ้านสักหลังไว้แวะพักผ่อนเสมอ
“การซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ London ครอง 70% ของเม็ดเงินที่ลูกค้าชาวไทยของบริษัทซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ โดย 8 ใน 10 คนซื้อเพื่อให้บุตรหลานพักอาศัยในช่วงศึกษาต่อ ที่เหลือเป็นการซื้อเพื่อลงทุน และซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 ส่วนเหตุที่ London ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติจากทั่วโลกมีหลายปัจจัย ได้แก่ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความสะดวกสบายในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ความ Global City ของเมือง ซึ่งมีทั้งความทันสมัย ความปลอดภัย และมีหลากหลายวัฒนธรรม” Frank Khan, Executive Director and Head of Residential Department, Knight Frank Chartered (Thailand)
นอกจาก London เมืองที่มีพัฒนาการตลอดมาจึงถือเป็นเมืองอันดับ 1 ของโลก สำหรับเมืองใหญ่ในต่างประเทศที่คนไทยนิยมซื้อที่อยู่อาศัยเป็นอันดับรองๆ ลงมาได้แก่ Sydney, Melbourne โดยเป็นเหตุผลเดียวกันกับการตัดสินใจซื้อทรัพย์สินใน London
จาก: Knight Frank / เรียบเรียง: คณนา กถารังสิพร / ภาพ: Getty Images
คลิ๊กอ่าน "THE WEALTH REPORT" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Life Thailand ฉบับพิเศษ NOVEMBER 2015