เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ คือจุดกำเนิดและแหล่งความทรงจำร่วมของเมซง จึงมีฐานะเป็นหนึ่งในสามวิหารแห่งคาร์เทียร์ โดยอีกสองแห่งอยู่ที่ถนนบอนด์สตรีท กรุงลอนดอน และถนนหมายเลข 5 (5th Avenue) ในนิวยอร์ก
ที่แห่งนี้คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ Jeanne Toussaint และ Louis Cartie คือแหล่งกำเนิดรูปแบบเชิงสุนทรียศาสตร์และสร้างสรรค์ของแบรนด์ที่มีความเป็นหนึ่งแต่มีมากกว่าหนึ่ง มีเอกลักษณ์และเป็นสากล จึงเป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจไม่รู้จบ สำหรับการรังสรรค์สมบัติล้ำค่าแห่งอดีตและอนาคต
อาคารใหม่ที่ได้ฤกษ์เผยโฉมในวันนี้เป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ไม่ได้เป็นของสมัยใด แต่ให้ความเคารพทุกสมัย ไม่ติดกับสไตล์ใด แต่เชิดชูทุกสไตล์โดยไม่มีการยกเว้น และได้นำรหัสแห่งปารีสมาตีความใหม่อย่างเสรีและใส่ความเป็นละครลงไป นำเสนอความเป็นเมืองหลวงฝรั่งเศสในแบบฉบับที่อลังการ งดงามดังบทกวี และไร้กาลเวลา จากวิวหลังคาไปจนถึงทัศนมิติ และสมบัติลับล้ำค่าของเมือง
วิสัยทัศน์เชิงสถาปัตยกรรมนี้เป็นสไตล์คาร์เทียร์ทั้งหมด และค้นพบพลังในทุกยุคสมัย ทุกวัฒนธรรม ในการที่จะตรึงความงามและความเป็นสากลของแต่ละยุคและแต่ละวัฒนธรรมออกมา ไม่ว่าจะเป็นความงาม ความพิสุทธิ์ ความโอ่อ่าในสไตล์อพอลโลเนียนและไดโอนิเซียน ด้วยพื้นที่ที่โอ่โถงและเปิดรับแสงสว่าง จึงเป็นสถานที่สำหรับใช้ชีวิตและพบปะกันเพื่อการสร้างสรรค์และจินตนาการ
เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ เชิญคุณมาร่วมการเดินทางอันล้ำค่า สู่ใจกลางจักรวาลคาร์เทียร์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่มองลึกสู่ภายใน จึงทำให้อาคารนี้เป็นที่ตั้งอันอบอุ่นใกล้ชิดสำหรับอัญมณีที่เลิศล้ำและช่วงเวลาที่ไม่อาจลืม การมาบรรจบกันระหว่างอนาคตกับอดีต ได้ผ่านการผนึกประสานและควบคุมไว้ใต้อดีตกาลที่สมบูรณ์
การแปลงโฉมขั้นสุด
เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ ผูกพันอย่างแยกไม่ออกกับยุคสมัย และมีวิวัฒนาการตามจังหวะการเคลื่อนไหวของปารีส ในแง่มุมที่มีแรงดึงดูดและสร้างแรงบันดาลใจสูงสุด ที่แห่งนี้จึงผ่านชีวิตมาหลากหลาย Alfred และ Louis Cartier เป็นผู้เลือกอาคารหลังนี้ และหลังจากนั้นไม่นาน Louis ก็ลงมือแปลงโฉมและขยายพื้นที่อาคารออกไป เลขที่ 13 รองรับการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี และการเปลี่ยนแปลงในแต่ละสมัยก็มีส่วนสร้างมรดกที่ไม่เหมือนใครให้กับคาร์เทียร์
เรื่องราวบทใหม่ในมหากาพย์แห่งการสร้างสรรค์เริ่มต้นขึ้น เมื่อคาร์เทียร์เผยโฉมบูติกในกรุงปารีส หลังปิดปรับปรุงนานกว่า 2 ปี (มิถุนายน 2022-ตุลาคม 2022) โดยคิดใหม่ ออกแบบใหม่ และตกแต่งภายในใหม่ทั้งอาคาร จนเรียกได้ว่าเป็นการสร้างใหม่ทั้งหมด ทีมสถาปนิก 3 ทีมที่ทางเมซงชื่นชอบในฝีมือ มาทำงานร่วมกันเพื่อแปลงโฉมอาคารในหลายแง่มุม และสร้างความสอดคล้องกลมกลืนกันทั้ง 6 ชั้น
ชั้นกราวด์ ชั้นหนึ่ง และชั้นสอง
ความเรืองรองในผลงานสร้างสรรค์และโลกของคาร์เทียร์
การสร้างอาคารสามชั้นด้านล่างขึ้นใหม่ ให้เป็นพื้นที่การค้นพบและการขาย ตกเป็นหน้าที่ของ Moinard Betaille เอเยนซี่ผู้ออกแบบและตกแต่งบูติกคาร์เทียร์มานานกว่า 20 ปี แนวทางของสถาปนิกคู่นี้ ได้แรงบันดาลใจจากการรู้จักเอกลักษณ์คาร์เทียร์อย่างลึกซึ้ง และความเคารพที่ทั้งสองมีต่อมรดกความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของเมซง งานของ Moinard Betaille คือการตีความพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งการจัดวางผัง เพื่อส่งมอบอาคารที่เป็นตำนานแห่งนี้ในรูปแบบที่ร่วมสมัย มีความเลื่อนไหล สง่างาม ทรงคุณค่า
จากชั้นกราวด์เป็นต้นไป ผู้มาเยือนจะตื่นตาตื่นใจกับการแปลงโฉมและขยายขนาดพื้นที่ภายใน โดยการจัดวางผังใหม่ทำให้ลูกค้าสามารถสำรวจพื้นที่เกือบทั้งชั้น ซึ่งนำเสนอโลกที่แตกต่างหลากหลายของคาร์เทียร์ให้ได้สัมผัส ทัศนมิติที่มีความลึกเป็นพิเศษดึงดูดสายตาให้มองไปที่โถงกลาง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ด้านหลังบูติกทั้งหมด สร้างเสน่ห์ดึงดูดอย่างพราวตา
ทุกสิ่งถูกเปิดออกเพื่อให้แสงธรรมชาติ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในการปรับปรุงอาคาร สามารถส่องถึงทุกพื้นที่ เชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนเดินชม ห้องประวัติศาสตร์บนชั้นนี้ได้รับการบูรณะอย่างใส่ใจ ดูงดงามด้วยองค์ประกอบทางมัณฑศิลป์ที่ฟื้นคืนชีวิตให้แก่พื้นที่ห้องที่กรุผนังด้วยไม้ และทำหน้าที่เป็นตู้แสดงเรือนเวลาและผลงานวินเทจเหล่านี้ ยังเป็นที่เก็บสมบัติลับอันเป็นมรดกของคาร์เทียร์ เช่น ดาบบัณฑิตที่ Jean Cocteau ได้รับจากบัณฑิตยสภาฝรั่งเศส และเก็บไว้ในห้องที่อุทิศให้แก่กวีผู้นี้
นอกจากนี้ยังมีคอลเล็กชั่นหนังสือหายากและคลังจดหมายเหตุในห้องสมุดภายในห้อง Louis Cartier Salon ที่พาเราย้อนกลับไปยังที่ทำงานของช่างศิลป์ผู้รังสรรค์สไตล์ และอยู่เบื้องหลังชื่อเสียงที่ขจรขจายไปทั่วโลกของเมซง คาร์เทียร์
พื้นที่ชั้น 1 ทั้งหมด ยกเว้นสามห้องที่กล่าวมา อุทิศให้กับโลกของการหมั้นและงานแต่งงาน การตกแต่งใช้วัสดุชั้นดี ผสานกับรายละเอียดเลอค่าในโทนสีพาสเทลและสีทอง มีแสงธรรมชาติอาบไล้ละมุนตาเช่นเดียวกับชั้นกราวด์
การเล่นอย่างมีลีลากับความโปร่งใสและความโค้งเว้าที่ได้แรงบันดาลใจจากอาณาจักรพืชพรรณแห่งธรรมชาติ ล้วนแล้วมีส่วนสร้างบรรยากาศอบอุ่นสบายเป็นกันเอง แต่เปี่ยมไปด้วยความสง่างาม และมอบให้โดยไม่ยัดเยียด ผลลัพธ์คือความทันสมัยแบบผู้หญิงและไร้กาลเวลา ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของบูติกคาร์เทียร์หลายแห่ง แต่ที่นี่นำเสนอออกมาในเวอร์ชั่นปารีเซียงที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร
ชั้น 2 ของบูติกอุทิศให้กับไฮจิวเวลรีผู้มาเยือนสามารถเดินขึ้นบันไดกลาง หรือขึ้นลิฟต์เพื่อความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น เมื่อขึ้นมาจะพบกับห้อง Art Deco, Indes and Inspiration ซึ่งหันหน้าออกสู่ถนนเดอลาเปซ์ และสงวนไว้สำหรับลูกค้าออร์เดอร์พิเศษ กับห้อง Faune et Flore ซึ่งอยู่ติดทางเดิน และการตกแต่งห้องสะท้อนอิทธิพลของเมซง
รวมทั้งยุคสมัยที่สำคัญในด้านสไตล์ นับเป็นมุมที่เอ็กซ์คลูซีฟ และออกแบบให้พร้อมรับอารมณ์ที่เกิดจากการได้พบเห็นผลงานอันเป็นเลิศ โดยมีตัวเชื่อมคืองานสถาปัตยกรรมและมัณฑนศิลป์ ที่เลือกสรรมาเพื่อสร้างฉากหลังที่เร้าอารมณ์ สดสว่าง และนุ่มนวล
“สำหรับเรา งานรีดีไซน์หัวใจของคาร์เทียร์ครั้งนี้นับเป็นผลงานที่สำคัญ เพิ่มเติมจากความมุ่งมั่นที่เราได้มอบไว้เคียงคู่กับทางเมซงมากว่า 20 ปี นี่คือแบบจำลองสถาปัตยกรรมและประสบการณ์ของบูติกรุ่นใหม่ ที่จะนำไปใช้กับการปรับปรุงและรังสรรค์ผลงานในอนาคตทั้งหมด ทั้งในแง่สไตล์ บรรยากาศ และของตกแต่ง งานนี้คือบล็อกออกตัวมากกว่าเส้นชัย”
ชั้นสามและชั้นสี่ฝ่ายบริการเวิร์กชอป และคลังข้อมูล
พื้นที่แสดงความเป็นเลิศ ในเชิงความเชี่ยวชาญและมรดกของเมซง
ลิฟต์สองตัวที่เปิดออกสู่ห้องโถงกลาง นำเราตรงไปยังชั้น 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุทิศให้กับบริการต่างๆ ที่คาร์เทียร์จัดไว้ให้ลูกค้า (บำรุงรักษา ซ่อม เพิ่มรายละเอียดเฉพาะตัว ฯลฯ) สตูดิโอปารีเซียง (Studioparisien) รับหน้าที่ปรับปรุงชั้นนี้ กับเวิร์กชอปไฮจิวเวลรีบนชั้น 4 และคลังผลงานบนชั้นสูงสุดของอาคาร
พื้นที่ใหม่เหล่านี้สืบสานขนบเดิมของบูติก และใช้รหัสด้านการออกแบบร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นความสง่างามในสไตล์คลาสสิก รูปทรงโค้งเว้า สีสันอ่อนละมุน วัสดุชั้นดี ฯลฯ แต่เพราะแต่ละพื้นที่มีหน้าที่รองรับการทำงานเฉพาะด้านอย่างชัดเจน จึงมีรูปโฉมที่ร่วมสมัยเป็นจุดเด่นที่ไม่โดดจากพื้นที่อื่น
งานสถาปัตยกรรมบนชั้น 4 มีความโมเดิร์นเป็นพิเศษและไม่รกตา สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีที่สุดสำหรับช่างฝีมือ 18 คนที่ทำงานที่นี่ เพราะแสงยามกลางวันส่องเข้ามาอย่างทั่วถึง ทั้งจากถนนและหลังคากระจกเหนือทางเดิน สร้างบรรยากาศโปร่งสบาย
บริการลูกค้า
การต้อนรับลูกค้าได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษ โดยการต้อนรับอาจเกิดขึ้นที่ห้องขนาดเล็กห้องใดห้องหนึ่งที่หันหน้าออกสู่รูเดอลาเปซ์ หรือลูกค้าอาจไปเยือน “Customisation Bar” เพื่อรับบริการสลักชื่อบนเครื่องประดับหรือเรือนเวลาได้ตามความปรารถนา ฉากกั้นแบบเรียงต่อกันจะโอบล้อมผู้มาเยือนไว้ในโลกของความเชี่ยวชาญและความเป็นเลิศที่ทางเมซงฟูมฟักให้คุณค่า
พื้นที่สุดท้ายที่มาเติมความสมบูรณ์ให้กับชั้นนี้คือห้องซานโตส (Santos) ห้องส่วนตัวที่ตกแต่งด้วยฉากเซรามิกจาก Francois Mascarello (ฟรองซัวส์ มัสกาเรลโล) และห้องเด็ก “Quartier de Petits” ที่มีกิจกรรมสร้างสรรค์หลากหลาย ซึ่งล้วนแต่ได้แรงบันดาลใจจากสไตล์ของเมซง ไว้ให้ความเพลิดเพลินกับคุณหนูๆ
เดอะเรสซิเดนซ์ใต้หลังคา
หนึ่งในจุดเด่นที่สำคัญในอาคารบนชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของอาคาร และเป็นที่ตั้งของคลังผลงาน คาร์เทียร์มอบหมายให้ Laura Gonzalez เป็นผู้ตกแต่ง เพื่อใช้รับรองแขกและอยู่อาศัย พื้นที่นี้ประกอบด้วยห้องรับประทานอาหาร ห้องรับแขกห้องครัวขนาดใหญ่ และสวนฤดูหนาว
Bruno Moinard เป็นผู้ออกแบบพื้นที่กลางแจ้งขนาดเล็ก 2 พื้นที่ สำหรับรับรองมิตรสหาย ศิลปิน และลูกค้าคนสำคัญของเมซง ณ ที่แห่งนี้เวลาคล้ายจะหยุดนิ่งท่ามกลางการตกแต่งด้วยลายพฤกษา สีสันที่เฉิดฉาย วัสดุ รูปทรง เฟอร์นิเจอร์ และผ้าที่หรูหรา และทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเมซง...
เดอะเรสซิเดนซ์ ณ เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ คือการเดินทางสู่จินตนาการของนักออกแบบผู้ได้พบที่มหัศจรรย์สำหรับการแสดงออกทางศิลปะอยู่ในห้องใต้หลังคาเล็กๆ นี้ เมื่อเข้าไปข้างในจะพบจักรวาลใหม่ที่ไม่เหมือนที่ใด เต็มเปี่ยมไปด้วยความเบิกบานและความงามดังบทกวี ที่ลงลึกสู่จินตนาการอันลือเลื่องของคาร์เทียร์ที่ได้รับการตีความใหม่ การตกแต่งภายในใช้งานคราฟต์สุดหรูจากช่างฝีมือ เช่น ภาพเขียนบนผ้าไหมกำมะหยี่ปักทับด้วยกระดาษ ซึ่งเป็นผลงานที่ลอร่า กอนซาเลซสร้างสรรค์ร่วมกับ Ateliers Gohard และ Lucie Toure
นอกจากนี้ยังมีมาลัยกิ่งไม้แก้วสำหรับประดับผนัง ซึ่งเป็นผลงานของ Pierre Mesguich ศิลปินโมเสก ผู้ฝากฝีมือสร้างงานโมเสกสุดอลังการไว้ในสวนฤดูหนาวขนาดเล็กด้านนอกด้วย การรังสรรค์พื้นที่นี้ ซึ่งสามารถปรับเพื่อรองรับความรุ่มรวยและหลากหลายของประสบการณ์ต่างๆ ที่จะพบได้ที่นี่
นับเป็นบทพิสูจน์อันทรงพลังว่าเลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ เปิดกว้างสู่นครปารีส โลก ตลอดจนอิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรมอย่างแท้จริง คาร์เทียร์จะแชร์ความมุ่งมั่น ค่านิยม สร้างสรรค์เชิงสุนทรียะ และมิตรสหายผู้เป็นที่รัก ณ ที่แห่งนี้ในกรุงปารีส เช่นเดียวกับที่ได้ทำในนิวยอร์ก ลอนดอน มิลานและเจนีวา ที่นี่คือที่สำหรับการพบปะ แลกเปลี่ยน และการบรรจบกันของแรงบันดาลใจ
เดอะเรสซิเดนซ์คืออTพาร์ตเมนต์ปารีเซียงในแบบฉบับของตัวเอง ที่ซุกตัวอยู่ใต้หลังคาในบรรยากาศเหมือนฝัน สื่อถึงรสนิยมของคาร์เทียร์ที่ชื่นชอบการแบ่งปัน การพูดคุยสนทนา และมุ่งหวังจะได้มาซึ่งความหมายและความงาม งานสถาปัตยกรรมของเดอะเรสซิเดนซ์ ที่คล้ายจะโฉบร่อนจากลวดลายพฤกษาใต้หลังคากระจก และไหลรินจากยอดอาคาร ก่อนจะเลื่อนลงไปสู่รูเดอลาเปซ์นั้น ทั้งเชิญชวนและเชิดชูจิตใจ
“เดอะเรสซิเดนซ์ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ใจกลางบ้านเลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ เป็นพื้นที่สุดพิเศษทว่ามีความอบอุ่นใกล้ชิด ด้วยจุดประสงค์ในการใช้งานและขนาดของพื้นที่ จึงดูตัดกับส่วนที่เหลือของอาคาร ทำให้ต้องใช้แนวทางที่แตกต่างออกไปเพื่อเล่นกับการตัดกันและความประหลาดใจ อะพาร์ตเมนต์ที่เหมือนลอยอยู่กลางหมู่เมฆนี้เป็นสนามชั้นเยี่ยมสำหรับเล่นกับความคิดสร้างสรรค์ ที่ซึ่งความเป็นส่วนตัวและความอ่อนโยนอยู่เหนือสิ่งอื่นใด
พวกเราและช่างฝีมือนำจินตนาการและผลงานสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์มาใช้ในการทำเครื่องเรือนที่ได้แรงบันดาลใจโดยตรงจากผลงานบางชิ้นหรือสไตล์บางสไตล์ที่โดดเด่นในประวัติของเมซง เราจะพบลายสัตว์ ลายพรรณพฤกษา และดีไซน์เครื่องประดับของคาร์เทียร์ อยู่บนผนัง อยู่บนฉากปักที่งามเลิศ อยู่บนโต๊ะฝังหินอ่อน... การจัดแสดงจักรวาลของคาร์เทียร์อย่างงดงามราวบทกวี ทำให้อพาร์ตเมนต์นี้เป็นมุมพักผ่อนที่เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์สุดหรรษา และเชื้อเชิญคุณเข้าสู่โลกแห่งความฝัน” ลอร่า กอนซาเลซ
ภาพจำลองสามมิติของเดอะเรสซิเดนซ์บนชั้น 5 ตัวเลขสำคัญ ณ เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์
ผลงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
บูติกใหม่ ณ เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ เป็นทั้งบ้านเกิดของเทรนด์เด่นด้านสไตล์ในประวัติศาสตร์ของเมซง และศูนย์กลางระบบนิเวศเชิงสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์ในปัจจุบัน จึงไม่มีที่ใดจะเหมาะกว่านี้ สำหรับการแสดงคอลเล็กชั่นผลงานระดับเอ็กซ์คลูซีฟ
เสือแพนเตอร์ในตำนานของคาร์เทียร์ ปรากฏโฉมเป็นครั้งแรกในปี 1914 และปูทางให้กับเครื่องประดับและเรือนเวลาที่สลักคำว่า “13 Paix Paris” หรือตราอาร์มประจำ “13 Paix” ขนเสือแพนเตอร์ ทั้งในรูปแบบงานศิลป์และแบบเหมือนจริงขั้นสุด มาปรากฏเป็นลวดลายบนแหวน ดุมข้อมือ กล่องบรรจุขวดน้ำหอม Necessaire a Parfum และเรือนเวลาทรงสร้อยข้อมือและทรงกำไล
งานชุดสุดท้ายที่มาเติมความสมบูรณ์ให้กับคอลเล็กชั่นสดุดีธีมโปรดของคาร์เทียร์ คือไฮจิวเวลรี 5 ชิ้นและเรือนเวลาลิมิเต็ดเอดิชั่นสุดพิเศษ 3 แบบ คือ เรือนเวลาทรงหมอน (tonneau) เรือนเวลา Tank Asymetrique และเรือนเวลาCloche ประดับเลข 13 ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา กับคำว่า “Paix” ที่ตำแหน่ง 1 นาฬิกา
งาน TRADITION ที่นำเสนอ ณ เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์
บูติกเลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ จะนำเสนองาน Tradition ที่คัดสรรมาเพื่อที่นี่โดยเฉพาะ เช่นเดียวกับบูติกสาขาเดอะแมนชั่นในนิวยอร์ก และสาขาบอนด์สตรีทในลอนดอน ของหายากอันประกอบด้วยจิวเวลรี เรือนเวลา และวัตถุมีค่า เป็นผลงานที่เวิร์กชอปคาร์เทียร์ผลิตขึ้นตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน และผ่านการเลือกสรร
รวมทั้งรับรองว่าเป็นของแท้โดยผู้เชี่ยวชาญของเมซง ซึ่งมีคลังผลงานเป็นตัวช่วย จากนั้นจึงนำไปบูรณะตามกระบวนการอันละเอียดลออโดยช่างฝีมือเฉพาะด้าน ทุกสไตล์ที่คาร์เทียร์เคยรังสรรค์ไว้ รวมทั้งรูปแบบย่อยที่น่าตื่นตาตื่นใจ ล้วนมีให้เห็นในผลงานเหล่านี้ ซึ่งรวมกันเป็นคอลเล็กชั่นที่เหนือล้ำและครอบคลุมทั้งโลก
คอลเล็กชั่นที่บูติกเลขที่ 13 ประกอบด้วยผลงานที่เหล่านักสะสมต้องการครอบครองมากเป็นพิเศษราว 15 ชิ้น จากช่วง 2 ทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 20 ซึ่งผลงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่คาร์เทียร์นำมาเสนอในครั้งนี้จะจัดแสดงที่ห้องฌานน์ ตูแซงต์ เคียงคู่กับผลงานยุคหลังที่เป็นสัญลักษณ์แทนความคิดสร้างสรรค์ของเมซงในปัจจุบัน จึงเปรียบได้กับบทสนทนาที่หากสตรีผู้มีสมญาว่าเสือแพนเตอร์ได้รับรู้ก็จะต้องยินดีอย่างแน่นอน
อ่านเพิ่มเติม: ภาพ "White Disaster" ของ "Andy Warhol" สร้างรายได้สูง 85.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine