IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกเหลือ 3.7% ทั้งปีนี้และปีหน้า ผลกระทบจากสงครามการค้ากำเเพงภาษีจีน-สหรัฐฯ ตลาดเกิดใหม่ยังติดปัญหาเงินทุนไหลออก
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจโลกประจำไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ในปี 2018 และ 2019 จากปัจจัยสงครามการค้าที่มีการขึ้นภาษีศุลกากรส่งผลต่อระบบการค้าในภาพรวม ขณะที่เหล่าประเทศตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) ยังเผชิญกับปัญหาการเงินตึงตัวเเละเงินทุนไหลออก
ตัวเลขคาดการณ์ใหม่ ซึ่งเผยเเพร่ระหว่างการประชุมประจำปีของ IMF เเละธนาคารโลก (World Bank) ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ชี้ให้เห็นว่า
เศรษฐกิจโลกที่เติบโตจากการที่สหรัฐฯ ปรับลดภาษีเงินได้เเละนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นนั้น เริ่มที่จะเข้าสู่ช่วง “ขาลง”
IMF คาดการณ์เเนวโน้มเศรษฐกิจโลกใน World Economic Outlook (WEO) ฉบับล่าสุด ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพียง 3.7 % ในปี 2018 เเละ 2019 ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 3.9% เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยการปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกครั้งนี้ เป็นผลกระทบจากหลายปัจจัยอย่างการขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐฯเเละจีน , ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในกลุ่มประเทศยูโรโซน ญี่ปุ่นเเละอังกฤษ รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ส่งผลให้ประเทศตลาดเกิดใหม่ต้องเผชิญกับภาวะเงินทุนไหลออก เช่นอาร์เจนตินา,บราซิล,ตุรกีเเละเเอฟริกาใต้
ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ IMF คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2.5% ในปี 2019 ลดลงจากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ 2.7% ส่วนจีนก็ถูกปรับลดการคาดการณ์เหลือเพียง 6.2% จากเดิม 6.4%
สำหรับปี 2018 IMF ยังคงตัวเลขประเมินการเติบโตของสหรัฐฯไว้ที่ 6.6% และการเติบโตของจีนไว้ที่ 2.9%
“การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีเเนวโน้มจะชะลอตัว ภายหลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบางส่วนหมดไป ถึงเเม้จะมีเเรงผลักดันจากอุปสงค์ในปัจจุบัน เเต่เราได้ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2019 โดยดูจากผลกระทบการขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีน รวมถึงมาตรการตอบโต้จากจีนด้วย”
Maurice Obstfeld นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ IMF ระบุในเเถลงการณ์
ด้านเศรษฐกิจกลุ่มยูโรโซน คาดว่าจะขยายตัวได้เพียง 2.0% ในปีนี้ ปรับลดจากเดิมซึ่งเคยประเมินไว้ที่ 2.2% โดยเฉพาะเยอรมนีที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการลดคำสั่งการผลิตเเละมูลค่าการค้าที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม
Obstfeld ชี้ว่า IMF ยังไม่พบการถอนสภาพคล่อง (pullback) อย่างกว้างขวางในประเทศตลาดเกิดใหม่เเละไม่มีการเเผ่กระจายไปยังประเทศเเถบเอเชียเเละกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน
ขณะที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของกลุ่ม ASEAN-5 ที่หมายถึง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย คาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 5.3% ในปีนี้ และ 5.2% ในปี 2019 ส่วนเศรษฐกิจอินเดียน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.3% ในปีนี้ และ 7.4% ในปีหน้า
นอกจากนี้ IMF ยังได้จำลองสถานการณ์เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงต่อสงครามการค้าระหว่างประเทศ หากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ สั่งเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนที่เหลืออีก 2.67 เเสนล้านดอลลาร์ และรัฐบาลจีนใช้มาตรการโต้กลับที่สาสมกัน รวมถึงหากสหรัฐฯ เก็บภาษีรถยนต์เเละอะไหล่นำเข้า 25% เเละถูกประเทศคู่ค้าตอบโต้กลับ
จากผลการจำลองดังกล่าว พบว่า GDP ทั่วโลกจะลดลง 0.8% ในปี 2020 และในระยะยาวจะต่ำกว่าค่า GDP ในสถานการณ์ปกติราว 0.4% โดยสหรัฐฯเเละจีนจะเสียหายหนักที่สุด ซึ่ง IMF คาดว่า GDP ของสหรัฐฯเเละจีนจะลดลงกว่า 0.9% และ 1.6% ตามลำดับ ภายในปี 2019
ที่มา
- https://www.euronews.com/2018/10/09/imf-cuts-world-economic-growth-forecasts-as-import-tariffs-emerging-market-issues-bite
- https://www.yahoo.com/news/imf-cuts-global-growth-forecast-3-7-2018-040013855.html
- https://blogs.imf.org/2018/10/08/global-growth-plateaus-as-economic-risks-materialize/