หลังจากผ่านเดือนที่มีการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักหลายที่ ผลการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันก็ยังคงมีอยู่ในเศรษฐกิจหลัก โดยทางธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 25bps มาที่ 0.75%-1.00% ในขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ และธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB เลือกที่จะคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปัจจุบันเอาไว้
ธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิม โดยคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ -0.4% และคงมติการเข้าซื้อสินทรัพย์ภายใต้โปรแกรม QE ที่ 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนไปจนถึงธันวาคมปีนี้ โดยการตัดสินใจของ ECB ออกมาตามการคาดการณ์ของตลาด เนื่องจากเศรษฐกิจของยุโรปค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นมา ในขณะที่แรงกดดันด้านเงินฝืดเริ่มลดลงเนื่องจากราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ โดยเฉพาะในภาคการเมืองของยุโรปที่จะมีการเลือกตั้งจำนวนมาก โดยการเลือกตั้งถัดไปเป็นของฝรั่งเศสในเดือนเมษายน และเยอรมันในเดือนกันยายน ทั้งนี้ การเลือกตั้งมีความเสี่ยงต่อตลาดเนื่องจากกระแสการต่อต้านสหภาพยุโรป และต่อต้านผู้อพยพมีมากขึ้น ด้วยความเสี่ยงที่ยังคงอยู่เราคาดว่าทางธนาคารกลางยุโรปจะคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในระดับปัจจุบันเอาไว้ต่อไป อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซน![](http://forbesthailand.com/uploads/library/8571991293b10c2d4b3b4440bea76c87.png)
![](http://forbesthailand.com/uploads/library/ecd843a0de110d5616ccb5c1b1c92025.png)
![](http://forbesthailand.com/uploads/library/ee3655a4e8ddbc56083a66bc21cb4a1a.png)
![](http://forbesthailand.com/uploads/library/87e72f891f730d32289937807ebd1d92.png)
![](http://forbesthailand.com/uploads/library/c27587fe5a2311d56fcceb7ce77d4f7c.png)
![](http://forbesthailand.com/uploads/library/360fac5e597439d4f72ee65f1336872f.png)
![](http://forbesthailand.com/uploads/library/2089800af20e7f78fbd9453525fe1af0.png)