เกิดมาก็รวยแล้ว คำนี้ใช้ได้ดีกับนักธุรกิจหนุ่มอนาคตไกลอย่าง "แอมป์-พิธาน องค์โฆษิต ทายาทและผู้บริหารหลัก KCE ในปัจจุบัน"
นอกเหนือจากธุรกิจแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ‘แอมป์ พิธาน’ ยังขยายไลน์การลงทุนในธุรกิจอื่นๆ และมีตำแหน่งหน้าที่อื่นด้วย เช่น ประธานกรรมการ บริษัท The Face Shop (Thailand) นำเข้าเครื่องสำอางจากเกาหลี และยังได้เข้าซื้อหุ้น MOS Burger Thailand ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 14 สาขา มองจากการขยายโอกาสแบบนี้แล้วต้องบอกว่า ดีกรีปริญญาวิศวกรรมไฟฟ้าและวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จาก University of California, Riverside สหรัฐอเมริกา และปริญญาโทจาก Johnson Graduate School of Management, Cornell University ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ความไม่ธรรมดาของนักธุรกิจหนุ่มทายาทตระกูลดังรายนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่วัยเด็กที่เขามักคิดและทำอะไรที่ต่างออกไป จะเรียกว่าเหนือความคาดหมายก็ไม่ผิด แต่เราอยากเรียกเขาว่า “prince of shortcut” เพราะเขามักจะมองหาทางลัดในการทำอะไรอยู่เสมอๆ ติดคำนวณและหาทางเลือกที่ทำน้อยแล้วได้มากอยู่เป็นประจำ ตั้งแต่ยังเป็นเด็กสมัยเรียนหนังสือที่เจ้าตัวบอกว่า ค่อนข้าง “ขี้เกียจ” ซึ่งในที่นี้คือไม่ชอบทำการบ้าน แต่ตอนเรียนก็เรียนตามปกติ พอกลับมาบ้านก็อยากทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่การเรียน เขาคำนวณว่าคะแนนจากการทำการบ้านเป็นสัดส่วนเพียง 10% เมื่อเทียบกับคะแนนจากการสอบและการเรียนในห้อง ดังนั้น เขาจึงเลือกทุ่มเทให้กับสิ่งที่มีสัดส่วนคะแนนมากกว่า เรียกว่าช่างคิดตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อโตขึ้นก็มีความคิดไปอีกแบบ เป็นคนชอบเล่นกีฬาและสนุกสนานเฮฮาจนทำให้เพื่อนบ้านสบประมาทว่า สงสัยจะเรียนไม่จบแน่ เพราะดูจะเล่นเป็นหลักเสียมากกว่า ด้วยความที่พิธานไม่อยากให้บิดามารดา (บัญชา-วรลักษณ์ องค์โฆษิต) ถูกเพื่อนบ้านดูถูก เขาจึงมุ่งมั่นกับการเรียน แต่การมุ่งมั่นของเขาไม่ธรรมดา เพราะเลือกการเรียนที่วิชาน้อยเข้าไว้ และทำให้ได้ดีทุกตัว กระทั่งจบปริญญามาด้วยเกียรตินิยม ลบคำสบประมาทลงได้อย่างราบคาบ เขาออกแนวคิดเร็วทำเร็วและค่อนข้างละเอียด ดูได้จากการให้สัมภาษณ์ทีมงาน Forbes Thailand เขาเตรียมตัวมาอย่างดี ใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่างที่กล่าวถึง และลงรายละเอียดเรื่องงานได้ค่อนข้างชัดเจน อีกจุดเด่นของเขาคือ รถแรง พิธานเป็นอีกคนที่ชื่นชอบสปอร์ตคาร์ ไฮเปอร์คาร์ ถึงขั้นจะเรียกว่าสะสมก็ไม่ผิด เขามีรถแรงๆ เหล่านี้ไว้ในครอบครองหลายคัน แต่ขอเก็บไว้เป็นความชอบส่วนตัวไม่อยากนำมาเผยแพร่เป็นสาธารณะ ซึ่งทีมงานเข้าใจในมุมนี้ เพราะครอบครัวเศรษฐีติดอันดับ 35 ใน 50 อันดับมหาเศรษฐีไทยที่จัดโดย Forbes ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ทำอะไรก็เป็นที่จับตามอง ตั้งแต่เรื่องส่วนตัวไปยันเรื่องธุรกิจ หลายปีมานี้เรามักได้ยินข่าวพิธานกับสาวๆ ระดับนางเอกในแวดวงบันเทิงอยู่บ่อยครั้ง แม้กระทั่งปัจจุบันในวันที่เราไปสัมภาษณ์และบันทึกเทปวิดีโอ แฟนสาวคนล่าสุด “ออม สุชาร์” ดาราสาวคนดังก็จัดทีมถ่ายทำมาร่วมเก็บภาพเตรียมเผยแพร่ในช่องยูทูบของเธอด้วย ทั้งคู่ดูน่ารักไปกันได้ดี หนุ่มหล่อกับสาวสวยเป็นของคู่กัน และหนุ่มรวยกับรถสปอร์ตก็มักจะเป็นของคู่กายเช่นเดียวกัน แต่พิธานไม่ได้พูดถึงกิจกรรมเกี่ยวกับรถมากนัก เขาบอกว่า เวลาส่วนใหญ่เขาใช้กับการทำงาน เพราะอย่างที่เราทราบกันดีกิจการ KCE ที่เขาต้องดูแลกำลังเติบโตและไปได้ดี เพราะเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์โลกอนาคต ทุกอุตสาหกรรมล้วนต้องใช้แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของยนตรกรรมไฟฟ้า ซึ่งในบ้านเราเริ่มต้นแล้วหลังจากจ่อคิวมาหลายปี ในขณะที่ประเทศแถบยุโรปเขาเดินหน้าเรื่องนี้ไปไกลมากแล้ว ตลาดของ KCE ก็ก้าวไปไกลมากแล้วเช่นกัน วันนี้ของหนุ่มพิธานยังคงให้น้ำหนักงานที่ KCE มีความสำคัญเป็นอันดับแรก ทุ่มเต็มตัวรับสืบทอดธุรกิจต่อจากบิดาที่เริ่มอายุมากขึ้น เพราะตัวพิธานยังอยู่ในวัย 40 เรี่ยวแรงยังดี มีทั้งความรู้และความทันสมัยที่จะนำพาธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดดไปสู่ระดับโลก เหมือนที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนฝันนั้นจะไม่ไกลเกินจริง และน่าจะเป็นไปได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ แม่ทัพเจเนอเรชั่น 2 ของ KCE ดูใส่ใจในทุกรายละเอียด เป็นคนเด็ดขาดและจริงจัง ในช่วงโควิดที่ผ่านมาเขาต้องรับมือกับปัญหาใหญ่ พนักงานติดโควิด-19 กว่าร้อยคนทำให้ต้องปิดโรงงานไปเป็นเดือน การผลิตต้องหยุดไปในขณะที่สินค้าก็ต้องส่งมอบ เขาแก้ปัญหาโดยอาศัยความร่วมมือจากทุกคน และวางมาตรการเข้มงวดเรื่องป้องกันโควิด ทำให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ “ผมยอมรับตอนนั้นปัญหาใหญ่เหมือนกัน แต่เราก็ต้องรับมือให้ได้ เพราะมันเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่ต้องทำคือ แก้ปัญหาและป้องกันการเกิดซ้ำขึ้นอีก” นั่นคือสิ่งที่เขาคิดในการแก้ปัญหาพนักงานในโรงงานติดโควิด-19 เพราะการทำงานแบบโรงงานปิด โอกาสในการติดเชื้อมีความเป็นไปได้สูง จึงต้องปรับให้มีความสะอาดและรัดกุมมากขึ้น เขายอมลงทุนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในโรงงานไปไม่น้อย ยิ่งตอกย้ำเรื่องวิสัยทัศน์และมุมมองของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่กล้าตัดสินใจและรวดเร็ว การดำเนินการแทบทุกเรื่องที่เขาทำมักจะมองเห็นโอกาสอยู่ข้างหน้าเสมอ สิ่งหนึ่งที่สรุปได้ในความเป็นพิธาน ซีอีโอหนุ่มมือหนึ่งแห่ง KCE คือ ความฉลาด รอบคอบ และเจ้าแห่งทางลัดในทุกเรื่อง แต่เป็นทางลัดที่มาจากการคำนวณความคุ้มค่าต่อการที่จะทำอะไรสักอย่าง ต้องดูว่าแบบไหนทำแล้วได้ผลดีแต่ลงทุนน้อย หรือลงทุนแบบไหนที่อนาคตจะโตขึ้นแน่นอน เหมือนตอนที่เขาขายรถเฟอร์รารี่ที่บิดาซื้อให้ในโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังได้ แทนที่จะเอามาใช้เขากลับนำมันไปขายและนำเงินมาซื้อหุ้น เพราะมองว่าในอนาคตหุ้นบริษัทนี้ต้องขึ้นแน่นอน เพราะเป็นธุรกิจที่อยู่ในกระแสและเทรนด์กำลังมา ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหนุ่มวัยยังไม่ถึง 30 (ช่วงนั้น) มองการณ์ไกลขนาดนี้ มาถึงวันนี้ต้องบอกว่า พิธานก้าวเดินได้ค่อนข้างเร็วในฐานะนักธุรกิจ และมีความเฉพาะตัวในเรื่องวิสัยทัศน์ไม่แพ้ผู้เป็นบิดา แต่ต่างกันที่ยุคสมัยและสภาพแวดล้อมเท่านั้น ถือเป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้นอีกคนของบ้าน “องค์โฆษิต" ภาพ: กิตติเดช เจริญพร และ KCE อ่านเพิ่มเติม:- กิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม “PROEN” ตอบทุกโจทย์ ICT
- KURT STEIN อดีตโบรกเกอร์คนดังเผยกลเม็ดต้มคนรวยของกองทุนหุ้นนอกตลาด
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ในรูปแบบ e-magazine