ในปี 2566 GDP ของไทยอยู่ที่ประมาณ 514.95 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ NVIDIA ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนํามีมูลค่าตามราคาตลาดถึง 3.4 ล้านล้านเหรียญ ณ เดือนพฤศจิกายน ปี 2567 จึงทำให้บริษัทมีมูลค่ากว่ารายได้ของประเทศไทยเกิน 6 เท่า สะท้อนถึงศักยภาพและโอกาสอันมหาศาลของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
ประเทศไทยติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลางมานานกว่า 3 ทศวรรษ หากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจังและเร่งด่วน GDP ของไทยจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้โอกาสที่จะหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางริบหรี่ลงเรื่อยๆ (กับดักรายได้ปานกลางมีคำนิยามว่า GDP ต่อหัวที่ต่ำกว่า 13,845 เหรียญ) ซึ่งในปี 2566 GDP ต่อหัวของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 6,400 เหรียญ ห่างไกลจากเกณฑ์ระดับรายได้สูงมาก
ถ้ารัฐบาลไทยตั้งใจจะผลักดันให้เราไปสู่เศรษฐกิจรายได้สูงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง รวมถึงให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย" มาอย่างยาวนาน จากการมีอุตสาหกรรมยานยนต์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นเสาหลักสําคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ซึ่งประสบความสําเร็จอย่างมากในการดึงดูดผู้ผลิตรถยนต์ และผู้ผลิตอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่
แต่อานิสงส์จากความสำเร็จในอดีตนี้กำลังจะหมดไป จากอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยเฉพาะการแข่งขันจากประเทศจีนที่กําลังทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกสั่นคลอน รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เรากำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียได้หันไปผลักดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยเกาะปีนังกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมนี้จนได้รับฉายาว่าเป็น "ซิลิคอนวัลเลย์แห่งตะวันออก" และดึงดูดผู้เล่นรายใหญ่ด้านเซมิคอนดักเตอร์ อาทิเช่น Intel, Infineon, Lam Research และ Texas Instruments ทำให้กลายเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานโลก ช่วยเพิ่มศักยภาพการขยายตัวของรายได้และเศรษฐกิจ
ในช่วงทศวรรษที่ 1980 ไต้หวันยังเป็นประเทศกำลังพัฒนา แต่รัฐบาลหาแนวทางที่จะก้าวข้ามการผลิตที่เน้นต้นทุนต่ำไปสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง รัฐบาลไต้หวันตระหนักถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จึงเรียนเชิญ Dr. Morris Chang ผู้บริหารจากบริษัท Texas Instruments มาก่อตั้งอุตสาหกรรมนี้ โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณอย่างเต็มที่ ทำให้ Dr. Morris Chang สามารถก่อตั้งบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ได้สำเร็จในปี 1987
ภายใต้การนำของเขา TSMC ได้บุกเบิกโมเดลธุรกิจที่เน้นเฉพาะการผลิตชิปให้บริษัทอื่น ไม่มีการออกแบบชิปของตนเอง กลยุทธ์นี้ดึงดูดสร้างความไว้วางใจลูกค้าจากทั่วโลก และทำให้ TSMC ก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ NVIDIA เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าไม่มี TSMC ทาง NVIDIA ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
ปัจจุบัน TSMC เป็นผู้เล่นสำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจไต้หวัน ไทยควรจะเรียนรู้แนวทางกลยุทธของไต้หวันที่ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ มองผลประโยชน์ระยะยาวของชาติ
ประเทศไทยยังขาดการลงทุนด้านองค์ความรู้และบุคลากรในอุตสาหกรรม high tech ในปี 2564 ประเทศไทยลงทุนเพียง 1.2% ของ GDP ในการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งน้อยกว่าหลายประเทศในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์ที่มีการลงทุนประมาณ 2% เกาหลีใต้ประมาณ 5% รัฐบาลไทยจึงควรให้ความสำคัญกับงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนามากว่าในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ประเทศไทยต้องเร่งปรับนโยบายเพื่อดึงดูดบริษัทต่างชาติ เช่น การเสนอแรงจูงใจทางภาษีทั้งนิติบุคลและบุคคลธรรมดา การสนับสนุนด้านงบประมาณ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้ประเทศไทยอยู่ในแผนที่ของกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลกที่กำลังมองหาฐานการผลิตเพิ่มเติม รวมทั้งต้องเร่งพัฒนาการศึกษา ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการไปสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมสร้างหลักสูตร STEM และการจัดตั้งการฝึกอบรมบุคลากรในสาขาอิเล็กทรอนิกส์ วัสดุศาสตร์ (materials science) และนาโนเทคโนโลยี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ประเทศจะมีแรงงานที่มีทักษะเพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรม
ภาพ : กสิกรไทย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ธุรกิจตั้งเป้าความยั่งยืน แต่เกินครึ่งวัดผลแมนนวล