ภายใต้การบริหารของผู้นำคนใหม่ (ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2014) Microsoft รุดหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ตั้งแต่ราคาหุ้นของบริษัทที่สร้างผลตอบแทนชนะบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายอื่นๆ ไปจนถึงตลาดโดยรวม รวมถึงการที่บริการคลาวด์ของ Microsoft สามารถไล่ทัน Amazon แม้จะปล่อยออกมาสู่ตลาดช้ากว่า ก็นับเป็นอีกเรื่องที่ไม่ธรรมดาเนื่องจากใคร่รู้ยิ่งนักว่า Satya Nadella ประธานบริหารของ Microsoft ปรับทิศทางบริษัทจากการพึ่งพาธุรกิจหลักอย่าง Windows และ Officeและหันไปมุ่งเจาะตลาดอุปกรณ์เคลื่อนที่และระบบคลาวด์ได้อย่างไร
ผมและทีมงาน Forbes จึงใช้เวลากว่าชั่วโมงนั่งจับเข่าคุยกับ Nadella เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การสนทนาครั้งนี้เป็นการพูดคุยกันหลังไมค์แต่ Nadella ได้ทิ้งประเด็นอันน่าสนใจเอาไว้ เขาเล่าว่าเขาเป็นหนึ่งในสาวกทฤษฎีกรอบความคิดของ Carol Dweck ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Stanford เมื่อปี 2006 Dweck ได้เขียนหนังสือชื่อ Mindset:The New Psychology of Success เธอได้อธิบายถึงแนวคิดที่เข้าใจง่ายแต่หนักแน่นด้วยสาระสำคัญ นั่นคือบุคคลประเภทที่มีกรอบความคิดตายตัว จะหยุดพัฒนาตนเองถึงแม้จะเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ส่วนคนกลุ่มที่มีมุมมองความคิดแบบเปิด จะก้าวหน้าพัฒนาอยู่เสมอ
การยึดมั่นในธุรกิจ Windows และ Office มาเป็นเวลายาวนานบวกกับความเอนเอียงเพราะเชื่อมั่นว่าพนักงานของบริษัทมีความสามารถสูงที่สุดเหนือคู่แข่งทำให้ Microsoft มีกรอบความคิดที่ยึดติดในการดำเนินธุรกิจของตนในหนังสือ Dweck หยิบยกเรื่องราวของ John McEnroe อดีตนักเทนนิสมืออาชีพขึ้นมาเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับบุคคลที่มีทักษะความสามารถแต่มีกรอบความคิดตายตัว McEnroe มีพรสวรรค์โดดเด่นแต่เกลียดการฝึกซ้อม นอกจากนี้เขายังเกลียดโปรแกรมฝึกพัฒนากล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่น อย่างที่ Roger Federer ทำเป็นประจำซึ่งโปรแกรมฝึกนี้อาจช่วยยืดเวลาการเล่นเทนนิสอาชีพของเขาให้นานขึ้น
สำหรับ McEnroe ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่พรสวรรค์ของเขาเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นคือทักษะฝีมือที่ติดตัวมาแต่กำเนิดส่วนขั้นตอนความคิดที่เปิดกว้างต่อการพัฒนา Dweck เขียนอธิบายว่าคือ การสงสัยใคร่รู้ ลงมือทดสอบ ทุ่มเทฝึกฝนและเรียนรู้ ทำตามซ้ำๆ ทำแล้วทำอีก เพราะถ้าหยุดเมื่อไหร่หมายความว่าจะหยุดพัฒนาและเติบโต ตอนนี้เมื่อคุณรู้แล้วว่า Nadella จาก Microsoft เป็นแฟนตัวยงของ Mindset อาจทำให้คุณอยากหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
หนังสืออีก 2 เล่มที่เพิ่งวางแผงและควรค่าที่จะหยิบยกคือ Ego Is the Enemy โดย Ryan Holiday และ Shoe Dog: A Memoir by the Creator of Nike โดย Phil Knight
Ego Is the Enemy หนังสือคุณภาพคับอัดแน่นไปด้วยเคล็ดลับในการพัฒนาตนเอง ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ตนเองและเสริมทักษะความสามารถ เรื่องราวของผู้เขียน Holiday วัย 29 ปีได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันแต่สามารถไต่เต้ากลายเป็นตัวแทนผู้ดูแลศิลปินเพลงร็อคแห่งวงการฮอลิวูด และรับตำแหน่งกรรมการบริหารฝ่ายการตลาดของ American Apparel ด้วยวัยเพียง 20 กว่าปี Holiday ศรัทธาในแนวคิดปรัชญาแบบ Stoicism ของชาว Spartan ซึ่งกลายมาเป็นหัวใจสำคัญของหนังสือ ทั้งนี้ Holiday ได้แนะนำแนวทางสู่ความสำเร็จและการพัฒนาประสิทธิภาพของตนเองเช่นเดียวกับ Dweck โดยมีหลักการว่ากำหนดชีวิตของคุณด้วยการลงมือทำไม่ใช่จากสิ่งที่ติดตัวมา อย่าปล่อยให้อัตตาสูงเกินไปจนมองความสามารถตนเองสูงเกินจริงหรือไม่รับฟังคำติเพื่อก่อ
Shoe Dog ซึ่งเขียนโดย Knight เป็นบันทึกไดอารี่ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านมา เนื่องจากเป็นบันทึกเรื่องราวจากประสบการณ์จริงของผู้แต่งจึงสามารถถ่ายทอดอารมณ์และความเป็นจริงได้อย่างลึกซึ้งขนาดที่หนังสืออัตชีวประวัติเล่มที่ดีที่สุดก็เทียบไม่ได้Knight เป็นนักวิ่งตัวยงสมัยเรียนอยู่ที่ University of Oregon ขณะที่เขาศึกษาระดับปริญญาโทที่ Graduate School of Business ณ Stanford เขาเขียนรายงานเกี่ยวกับโอกาสที่บริษัทญี่ปุ่นจะรุกเข้าเจาะตลาดธุรกิจกีฬาในสหรัฐฯ หลังจากเข้ารับใช้ชาติในกองทัพอเมริกา Knight เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นและกลายเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Onitsuka Tiger ในสหรัฐฯ (หรือที่รู้จักกันในนามแบรนด์ Asics ในปัจจุบัน)
นั่นคือเรื่องราวในปี 1962 และเวลาล่วงเลยจนถึงปี 1971 ก่อนที่ Knight จะก่อตั้งธุรกิจรองเท้ากีฬาของตนเองภายใต้แบรนด์ Nike อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจจะเติบโตในอัตราสองเท่าทุกปีแต่ Nike กลับมีกระแสเงินสดติดลบอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งนำบริษัทเข้าตลาดโดยออก IPO เมื่อเดือนธันวาคม 1980 (และเป็นเรื่องบังเอิญที่ Apple ออก IPO ในเดือนเดียวกัน) ในหนังสือ Shoe Dog Knight พาผู้อ่านผ่านท่องสู่เรื่องราวอันโลดโผนก่อน Nike จะก้าวสู่ความสำเร็จจากที่เคยพลาดพลั้งและเกือบล่มสลาย
ทั้งหมดนี้คือหนังสือ 3 เล่มที่ผมอยากแนะนำให้คุณอ่านในช่วงวันหยุดพักผ่อนนี้
RICH KARLGAARD
ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของ Forbes กับผลงานหนังสือเล่มล่าสุด TEAM GENIUS : THE NEW SCIENCE OF HIGH-PERFORMING ORGANIZATIONS
คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมบทความทรงคุณค่า ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ October 2016 ในรูปแบบ e-Magazine
หนังสือที่ควรค่าแก่การอ่านในวันพักผ่อน
TAGGED ON