"โปรตีนจิ้งหรีด" อาหารแห่งอนาคต โอกาสของไทยในวิกฤตอาหารโลก - Forbes Thailand

"โปรตีนจิ้งหรีด" อาหารแห่งอนาคต โอกาสของไทยในวิกฤตอาหารโลก

รายงาน The World Population Prospects เมื่อปี 2562 โดยฝ่ายเศรษฐกิจและกิจการสังคมของสหประชาชาติ (UN) คาดการณ์ว่า จำนวนประชากรโลกจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 9.7 พันล้านคนภายในปี 2593 และอาจเพิ่มสูงเกือบ 1.1 หมื่นล้านคนในช่วงปี 2643 หมายความว่า ภาวะการขาดแคลนอาหารโลกย่อมเกิดขึ้น


    องค์กรระดับโลกหลายแห่งคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ในอนาคตโลกจะประสบปัญหาขาดแคลนอาหารหากยังคงผลิตอาหารได้ในอัตรากำลังการผลิตแบบปัจจุบัน และไม่มีอาหารชนิดใหม่ๆ มารองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรได้องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization: FAO) คาดว่า จะมีประชากรโลกราว 1 พันล้านคนที่อาจประสบกับความอดอยาก

    “แมลง” คืออาหารทางเลือกใหม่ที่ FAO แนะนำให้เป็นอาหารสำหรับประชากรในอนาคต และ “จิ้งหรีด” ถือเป็นประเด็นระดับโลกนับแต่ FAO ส่งเสริมให้แมลงเป็นอาหารสำหรับคนทั่วโลก โดยยกให้จิ้งหรีดเป็นอาหารชนิดใหม่ของโลก หรือ novel food เป็นโปรตีนสำรองในอนาคตที่มีประสิทธิภาพสูงและยั่งยืน (sustainable)

    อีกทั้งจิ้งหรีดมีช่วงอายุการเพาะเลี้ยงไปจนถึงช่วงการเก็บเกี่ยวสั้นกว่าสัตว์ชนิดอื่น ทั้งยังมีราคาถูก ลงทุนน้อย โปรตีนสูง เพาะเลี้ยงง่าย ลดการใช้ทรัพยากร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จิ้งหรีดจึงกลายเป็นแหล่งโปรตีนที่กำลังจะเข้ามาทดแทนเนื้อสัตว์ในอนาคต เช่นเดียวกับสหภาพยุโรปได้จัดแมลงเป็น novel food

    แมลงจึงเป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่กำลังจะเข้ามาทดแทนเนื้อสัตว์ ข้อมูลวิจัยของกองโภชนาการ กรมอนามัยระบุว่า คุณค่าทางโภชนาการของแมลงกินได้ในขนาดน้ำหนัก 100 กรัม จะมีปริมาณโปรตีนเทียบเท่าเนื้อหมู เนื้อไก่ ปลาทูนึ่ง และไข่ไก่ในขนาดน้ำหนักเท่ากัน 

    ดังนั้น แมลงจึงสามารถนำมาใช้เป็นแหล่งอาหารได้ในพื้นที่ที่ขาดแคลนอาหารจำพวกโปรตีน ทั้งยังเป็นโปรตีนที่ปลอดภัย เพราะไม่ปนเปื้อนยาปฏิชีวนะและปลอดสารพิษต่างๆ ใช้อาหารและพื้นที่เลี้ยงน้อยกว่าการเลี้ยงปศุสัตว์ทั่วไป และยังปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะโลกร้อนน้อยกว่าการเลี้ยงวัวถึง 80 เท่า


- จิ้งหรีดไทยสู่เวทีโลก -

    จากกระแสโลก “จิ้งหรีด” จึงกลายเป็นแหล่งโปรตีนมาแรงแห่งยุคและได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากภาครัฐอย่างจริงจังต่อเนื่อง ล่าสุดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ผลักดัน “จิ้งหรีดไทย” สู่ตลาดโปรตีนแห่งใหม่ในอนาคต หวังขยายฐานส่งออกสู่ตลาดโลก เร่งส่งเสริมการเลี้ยงจิ้งหรีดให้แก่เกษตรกรเพื่อสร้างรายได้ มอบหมายหน่วยงานในสังกัดส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์สร้างความเชื่อมั่นในผลผลิตให้ผู้บริโภคหลังพบว่าทั่วโลกนิยมบริโภคอย่างแพร่หลาย 

    ทำให้ตลาดส่งออกไทยขยายตัวรวดเร็วมีการเติบโตถึง 23% ต่อปี โดยเฉพาะในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน จากการที่ FAO ส่งเสริมให้คนทั่วโลกหันมาบริโภคจิ้งหรีดได้มีส่วนช่วยผลักดันให้ตลาดส่งออกจิ้งหรีดไทยโตขึ้นด้วย ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ จึงได้ตั้งเป้าหมายขยายพื้นที่การผลิตไปในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือในชื่อ “โครงการเกษตรฐานชีวภาพแมลงเศรษฐกิจใหม่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”


- ไทยเป็นฮับโปรตีนจิ้งหรีดโลก -

    ปัจจัยทั้งปวงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแรงส่งชั้นดีให้ บริษัท ไทย เอนโท ฟู้ด จำกัด ซึ่งเป็นอีก 1 ในบริษัทสัญชาติไทยที่ตั้งโรงงานแปรรูปผงโปรตีนและทำเป็น “ฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด” ครบวงจร แจ้งเกิดในเวทีแห่งกระแสโลกครั้งนี้ และในฐานะ “ฟู้ดเทคสตาร์ทอัพ” รายแรกของไทยที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) มาตั้งแต่ปี 2559 

    โดยทำธุรกิจเกี่ยวกับแมลงอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มีฟาร์มที่เพาะเลี้ยงจิ้งหรีด มีโรงงานที่แปรรูปผลิตภัณฑ์และการสร้างผลิตภัณฑ์ผงโปรตีนจากจิ้งหรีด พร้อมการทำวิจัยและพัฒนาร่วมกับนักวิจัยจากสถาบันวิจัยของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยผงโปรตีนแบบเข้มข้นได้ทำตลาดภายใต้แบรนด์ “Sixtein” เน้นการทำการตลาดระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจเพื่อนำสินค้าไปพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ

    “การสร้างรายได้ให้เกษตรเป็นความมุ่งมั่นของเรา ในช่วงแรกจะสร้างและขยายตลาดโปรตีนจิ้งหรีดในต่างประเทศให้แข็งแกร่ง โดยใช้นวัตกรรมการผลิตของเรา และสนับสนุนเกษตรกรขยายการทำฟาร์มจิ้งหรีดตอบสนองความต้องการของตลาด คือโตไปด้วยกัน ในปีนี้หลังจากการร่วมทุนกับ บริษัท ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล จำกัด (มหาชน) หรือ TSTE ได้เสริมศักยภาพให้เราก้าวสู่ผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตโปรตีนจิ้งหรีดของประเทศไทย”

    ด้วยเป้าหมายผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโปรตีนจิ้งหรีดของโลก และสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้ภาคเกษตรกร ชุมชน สังคม และประเทศ ก้าวสู่ระดับ 1 พันล้านบาทในปี 2568 โดยขายในประเทศ 30% และต่างประเทศ 70%

    จุดแข็งของประเทศไทยคือ ตลาดแมลงกินได้มีมานานแล้ว มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการเลี้ยงจิ้งหรีด ขณะที่เกษตรกรก็คุ้นเคยกับการเลี้ยงจิ้งหรีดมายาวนาน ประการสำคัญคือภาครัฐให้การสนับสนุนเต็มที่ หน้าที่ของผู้ประกอบการคือผลักดันโปรตีนจิ้งหรีดให้เป็นตัวเลือกที่สำคัญในตลาด food protein ingredients และผลักดันให้ไทยเป็นฮับโปรตีนจิ้งหรีด


- เพิ่มมูลค่าให้เกษตรกร -

    โดยเราสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกรด้วยการนำจิ้งหรีดมาแปรรูปเป็นผงโปรตีนซึ่งจะได้ราคาดีกว่าการจำหน่ายแบบเป็นตัวสด จากรายงานการสำรวจอุตสาหกรรมตลาดวัตถุดิบเพื่อการผลิตโปรตีนโลกในปี 2562 มีมูลค่า 53.78 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะขยายตัวสู่ระดับ 91.89 พันล้านเหรียญในปี 2570 ถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และไทยมีโอกาสแทรกตัวสู่อุตสาหกรรมนี้ได้ไม่ยาก ดังนั้น เราควรเป็นส่วนหนึ่งของตลาด food protein ingredients ของโลกที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านเหรียญนี้

    เราต้องผลักดันให้แมลงเป็นโปรตีนทางเลือกอีกตัวในตลาดกระแสหลัก ถ้าไทยส่งออกผงโปรตีนจิ้งหรีด 10,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่า 9 พันล้านบาท ต้องการจิ้งหรีดสดในการผลิต 40,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 3.6 พันล้านบาท ซึ่งไทยมีศักยภาพในการเป็นฮับโปรตีนจิ้งหรีดของโลก

    การรุกสู่เวทีโลกไม่ใช่โจทย์ที่ง่าย จึงต้องเตรียมนโยบายและแผนงานในทุกมิติ จุดแข็งของไทย เอนโท ฟู้ดฯ คือ เป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยการวิจัยและนวัตกรรมมีเทคโนโลยี I-Sec ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของบริษัทที่ร่วมพัฒนากับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นนวัตกรรมการผลิตผงโปรตีนจิ้งหรีดประสิทธิภาพสูงในระดับอุตสาหกรรมรายแรกของไทย

    ด้วยกระบวนการผลิตแบบ zero-waste process มีความละเอียดสูง มีสีอ่อน ไม่มีกลิ่นจิ้งหรีดคั่ว ประการสำคัญ Isec Technology ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทลดลงกว่า 30% เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการผลิต พลังงานและแรงงานน้อยลง ด้วยนวัตกรรมและกระบวนการผลิตทันสมัยที่สุดในเอเชียทำให้ได้ผงโปรตีนจิ้งหรีดคุณภาพสูงในคุณสมบัติที่ตลาดทั่วโลกต้องการ โดยมีกำลังการผลิต 1 ตัน/ชั่วโมง

    ในระดับโลกมีงานวิจัยคุณค่าทางโภชนาการที่จะนำมาสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้ ข้อดีของผงโปรตีนจากจิ้งหรีดเมื่อเทียบกับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ทั่วไป และเมื่อเทียบกับโปรตีนจากถั่วเหลือง Sixtein จะเป็นโปรตีนทางเลือกที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบทั้ง 9 ชนิด มี BCAA สูง มีแร่ธาตุหลากหลายชนิด มีวิตามิน บี 12 ไฟเบอร์ และพรีไบโอติก เป็นโปรตีนสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


- โอกาสของไทยในเวทีโลก -

    ตลาด EU เป็นตลาดส่งออกหลักสำคัญ ซึ่งการส่งออกจิ้งหรีดจากไทยไป EU นั้นยังคงเป็นไปตามระเบียบอาหารใหม่ ภายใต้ข้อกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ.8202-2560 หรือการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มจิ้งหรีดเป็นมาตรฐานทั่วไปลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ปี 2560 

    โดยมีกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการตรวจรับรองตาม มกษ. เพื่อรองรับการยกระดับฟาร์มจิ้งหรีดให้ได้มาตรฐานระดับสากล โดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ปักธงนำร่องเริ่มต้นไว้ที่จังหวัดกาฬสินธุ์และมหาสารคาม จนจิ้งหรีดไทยสามารถตีตลาดดังกล่าวได้ในรูปแบบผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดทั้งแช่แข็ง แปรรูปต้มบรรจุกระป๋องหรืออบบดเป็นโปรตีนผงผสมอาหาร

    ล่าสุดสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ปัจจุบันตลาดแมลงทั่วโลกมีมูลค่ามากกว่า 400 ล้านเหรียญ คาดว่าในปี 2570 มูลค่าการตลาดของอาหารโปรตีนจากแมลงจะสูงถึง 2,067.9 ล้านเหรียญ ซึ่งประเทศไทยสามารถผลิตแมลงเศรษฐกิจได้มากกว่า 7,000 ตันต่อปี และมีฟาร์มเลี้ยงจำนวนมาก โดยเฉพาะจิ้งหรีดซึ่งเป็นแมลงที่มีการเพาะเลี้ยงมากกว่า 23,000 ฟาร์ม

    ปัจจุบันมีประชากรโลกกว่า 2 พันล้านคนที่บริโภคแมลง ซึ่งชาวตะวันตกให้ความสนใจมากขึ้นเนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นี่จึงเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการและเกษตรกรที่จะเดินหน้าปักธงไทยในตลาดโลก



ธีรณัฐ รุ่งสุวรรณ

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอนโท ฟู้ด จำกัด



อ่านเพิ่มเติม:

>> “เลิร์น คอร์ปอเรชั่น” จากโรงเรียนกวดวิชา สู่ Edtech พันล้าน

>> PASSION & BEYOND ของนักสะสมนาฬิกาหรู “เชษฐา ส่งทวีผล”


คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine