โอกาสการลงทุน "ตลาดอสังหาฯ" เมืองผู้ดี - Forbes Thailand

โอกาสการลงทุน "ตลาดอสังหาฯ" เมืองผู้ดี

การเคลื่อนตัวของทุนจากต่างชาติในการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในแต่ละตลาด มีปัจจัยที่นำไปสู่การตัดสินใจแตกต่างกัน แต่ที่สุดแล้ว “ผลตอบแทน” จากการเข้าไปลงทุนจะเป็นคำตอบสุดท้าย ตลาดอสังหาฯ London ประเทศอังกฤษ โดดเด่นขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา และกูรูด้านอสังหาริมทรัพย์ต่างมองว่า น่าจะเป็นทิศทางบวกแบบนี้ไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า

ปัจจัยที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษมีความน่าสนใจ คือ เป็นตลาดที่อยู่ตัว มีการเปลี่ยนมือต่อเนื่องและเติบโตขึ้นตลอดเวลา ซึ่งเป็นผลจากกฎหมายของประเทศอังกฤษเปิดโอกาสให้ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างถูกต้อง 100% และมีกระบวนการจัดการที่โปร่งใส ประกอบกับการลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่าถือว่ายังมีโอกาสให้นักลงทุนได้ทำรายได้และเก็งกำไรได้อีกมาก เพราะความต้องการมีสูงกว่าซัพพลายในตลาด ความน่าสนใจของนักลงทุนที่มีต่อ ตลาดอสังหาฯ ใน London นอกจากปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว อีกส่วนสำคัญยังมาจากตลาดการศึกษาด้วย จากปัจจัย ของค่าเงินปอนด์ และความนิยมของมหาวิทยาลัยชั้นนำทำให้ผู้มีกำลังซื้อ สนใจส่งบุตรหลานมาศึกษาต่อในอังกฤษเพิ่มขึ้น ขณะที่ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย และ ไนท์แฟรงค์ ไทยแลนด์ บริษัทที่ปรึกษา ด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้ให้มุมมอง “สองด้าน” ต่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษไว้อย่างน่าสนใจ พรพิมล พึ่งเขื่อนขันธ์ ผู้อำนวยการและหัวหน้าแผนกซื้อขายที่พักอาศัยรายย่อย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย มองแนวโน้มการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการศึกษาบุตรหลานของคนไทยในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะใน London ประเทศอังกฤษว่า ยังคงมีความต้องการและมียอดการจองอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ ปี 2561 โดยปัจจัยหลักมาจากค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินปอนด์ มีค่าลดลงต่ำสุดในรอบ 22 ปี ซึ่งมีผลกระทบมาจากผลประชามติเสียงส่วนใหญ่ เห็นชอบกับการที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)อีกทั้ง ค่าเงินในปัจจุบันยังไม่มีแนวโน้มที่จะกลับมาเท่าเดิมในระยะเวลาอันใกล้ ทำให้ผู้ปกครองส่งบุตรหลานไปเรียนที่อังกฤษมากขึ้น

ราคา 1-1.5 ล้านปอนด์ขายดี

การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยของบุตรหลานโดยส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณ 1-1.5 ล้านปอนด์ (37-55 ล้านบาท) สำหรับ 1 ห้องนอนในโซน 1-2 ที่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน และใกล้แหล่งร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า แต่ก็มีกลุ่มคนไทยบางกลุ่มที่นิยมซื้อไว้เพื่อลงทุนปล่อยเช่าให้กับกลุ่มนักศึกษา โดยเฉพาะในโซน 3-4 ซึ่งราคาจะเริ่มประมาณ 4-6 แสนปอนด์ (14.8-25 ล้านบาท) ในขนาดสำหรับ 1 ห้องนอนส่วนใหญ่ซื้อเพื่อให้ลูกซึ่งเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยใน London ได้อยู่ขณะที่เรียน เมื่อเรียนจบก็อาจปรับเป็นการหารายได้โดยมีทั้งปล่อยเช่าและขายต่อ ส่วนใหญ่เน้นการปล่อยเช่า เพราะมีความต้องการจากผู้ที่ทำงาน หรือ กลุ่มนักศึกษาที่ต้องการเช่าเป็นจำนวนมาก หรือบางครอบครัวอาจปล่อยขาย ห้องเก่าที่มีอยู่ และซื้อใหม่เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยมากกว่าเดิม เพราะมี โครงการใหม่ให้เลือกมากขึ้น ด้านผลตอบแทน หรือยีลด์ของการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเขตใจกลางเมือง อยู่ที่ 2-3% ซึ่งใกล้เคียงกับตลาดลักชัวรี่ของบ้านเรา แต่หากซื้อในโซน 3-4 ผลตอบแทนการเช่าจะมากกว่า ซึ่งอยู่ประมาณ 4-5% ส่วนอัตราการขึ้นของมูลค่า (capital gain) อยู่ที่เฉลี่ย 5-8% ต่อปีในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

ราคาปรับลดดันดีมานด์เพิ่มด้าน

Frank Khan กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า รายงานวิจัยจากไนท์แฟรงค์ สะท้อนมูลค่าตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยใจกลาง London โดยเฉพาะทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในใจกลาง London โดยเฉพาะในกลุ่มบ้าน ที่มีมูลค่า 10 ล้านปอนด์ หรือมากกว่าพบว่ามีจำนวนผู้สนใจแสดงความต้องการจะซื้อบ้านในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โซน Hammersmith มาแรง

ความน่าสนใจโซน Hammersmith ที่ราคานับว่ายังไม่สูง มากนัก บวกกับมีบรรยากาศของการอยู่อาศัย ความสะดวกในการเดินทาง โดยจากข้อมูลที่ได้รับ ผู้ซื้อเพื่อการลงทุนจะได้รับค่าเช่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นที่ 1.3% ในขณะที่เงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ และดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในตลาดในเวลานี้ ยังมีนักลงทุนไทยบางส่วนกำลังรอดูสถานการณ์ Brexit ในมุมของผู้ซื้อมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีในการลงทุน ทั้งเพื่อเก็งกำไร หรือการซื้อเพื่ออยู่เอง เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ผู้ซื้อ ได้รับข้อเสนอที่ดี เรื่อง: กัญสุชญา สุวรรณคร และฐิตาภา ญาณพัฒน์  
คลิกเพื่ออ่านบทความทางด้านการลงทุนได้ที่ Forbes Life แถมฟรีมาในนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2019 ในรูป e-Magazine