ถอดบทเรียนธุรกิจ ยุคไร้สูตรสำเร็จ - Forbes Thailand

ถอดบทเรียนธุรกิจ ยุคไร้สูตรสำเร็จ

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นพลวัตทางภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitical dynamics) ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จนถึงการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้การรับมือกับความไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่ธุรกิจหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป ทุกอุตสาหกรรมล้วนต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ที่เป็นเหมือนบททดสอบความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัว


    สำหรับ Grab ก็ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนเหล่านี้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งแม้จะเปี่ยมไปด้วยโอกาส แต่ก็เต็มไปด้วยความหลากหลายทั้งในแง่ของพฤติกรรมผู้บริโภค ข้อกำหนดทางกฎหมาย รวมถึงสภาพเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ

    แม้ว่าแต่ละองค์กรจะมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกัน แต่เชื่อว่าบทเรียนและประสบการณ์จากเส้นทางการดำเนินธุรกิจของ Grab จะสามารถเป็นแนวทางที่ช่วยให้ทุกคนปรับตัวท่ามกลางความไม่แน่นอนได้บ้างไม่มากก็น้อย และหวังว่าจะช่วยจุดประกายความคิด หรือเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับผู้นำองค์กรทุกคนที่กำลังก้าวผ่านยุคแห่งความผันผวนนี้ไปได้


สร้างองค์กรคล่องตัวและใฝ่รู้

    ทุกคนในองค์กรต้องเรียนรู้ที่จะ “รู้ทัน” และ “ปรับตัว” อยู่เสมอให้สามารถพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลง เพราะความสำเร็จของธุรกิจในระยะยาวขึ้นอยู่กับความคล่องตัวที่ฝังอยู่ในทุกระดับขององค์กร อย่างที่ Grab ได้เริ่มผลักดันโครงการที่จะปลูกฝังวัฒนธรรมของการเรียนรู้ให้กับคนในองค์กรตั้งแต่ปี 2566 ภายใต้แนวคิด #EveryGrabberisaTechnologist หรือพนักงาน Grab ทุกคนคือนักเทคโนโลยี

    สำหรับในปีที่ผ่านมายังได้ต่อยอดแนวคิดนี้สู่การพัฒนาโครงการ “GenAI Sprint” ซึ่งส่งเสริมให้พนักงานวางมือจากงานประจำเพื่อโฟกัสกับการเรียนรู้ ทดลอง และฝึกฝนทักษะในการใช้ GenAI เป็นเวลา 9 สัปดาห์ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยเร่งการสร้างทักษะใหม่ๆ แต่ยังเป็นการปลูกฝังแนวคิดการใช้ AI เข้ามาเป็นตัวช่วยแรกในการแก้ไขปัญหา ทั้งยังนำไปสู่การพัฒนาเครื่องมือและสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

    เช่น Mosaic โปรแกรมที่ช่วยสร้างภาพประกอบในสไตล์ Grab ได้ในไม่กี่วินาที และ AI Merchant Assistants แชตบอตที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพาร์ตเนอร์ร้านอาหาร ด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกและให้คำแนะนำต่างๆ ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน

    บทเรียนคือ การสร้างพื้นที่ให้พนักงานได้ทดลองเรียนรู้ รู้จักล้มแล้วลุก สามารถสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจและกล้าเสี่ยงอย่างมีเหตุผลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง


Ecosystem ยั่งยืนและแข็งแกร่ง

    การสร้างธุรกิจที่มั่นคงสามารถสำเร็จได้ต่อเมื่อคนในอีโคซิสเต็มไม่ว่าจะเป็นคนขับและร้านค้าเติบโตไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ Grab ให้ความสำคัญและยึดถือมาตลอด เพราะผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) รวมถึงกลุ่มแรงงานอิสระ ถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันก็ถือเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุดต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจดังที่เห็นได้ชัดเจนในช่วงวิกฤตโควิด-19

    ดังนั้น Grab จึงเล็งเห็นความสำคัญในการสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการและกลุ่มแรงงานอิสระในหลายมิติ เช่น การให้สินเชื่อสำหรับร้านค้าเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน หรือการให้สินเชื่อซื้อสมาร์ทโฟนสำหรับคนขับ เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับคนกลุ่มนี้ และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับเศรษฐกิจ

    นอกเหนือจากการสนับสนุนทางด้านการเงินแล้ว Grab ยังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงาน เช่น การพัฒนาระบบแนะนำเส้นทางอัจฉริยะที่ช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางและรอคิวให้กับคนขับที่ให้บริการส่งอาหารเดลิเวอรี่

    ขณะที่ฝั่งร้านค้าได้มีการพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ทำให้เจ้าของร้านสามารถจัดการโปรโมชั่นหรือวางแผนพัฒนาธุรกิจของร้านได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการจัดอบรมและพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อให้พาร์ตเนอร์สามารถปรับตัวและเติบโตได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

    บทเรียนคือ ในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน การให้ความช่วยเหลือคนในอีโคซิสเต็มทั้งในด้านการเงินและการสร้างระบบการทำงานที่แข็งแกร่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับทั้งระบบธุรกิจ


สร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่ง

    การแก้ไขปัญหาระดับมหภาคที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างจำเป็นต้องอาศัยพลังร่วมจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ซึ่งการผนึกพันธมิตรจะช่วยให้สามารถดึงจุดแข็งของทุกภาคส่วนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น ภาครัฐสามารถเข้าถึงประชาชนด้วยงบประมาณที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง และมีอำนาจในการกำหนดนโยบายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคนในสังคม ขณะที่ภาคเอกชนมีศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและสามารถขยายผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ยกตัวอย่างในประเทศไทยซึ่งการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ Grab ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวผ่านการจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว และการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและยั่งยืน ความร่วมมือเช่นนี้ไม่เพียงช่วยให้ Grab ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากนักท่องเที่ยว แต่ยังมีส่วนช่วยยกระดับและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งอุตสาหกรรมด้วย

    บทเรียนคือ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์สามารถสร้างแนวทางในการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และส่งผลดีต่อสังคมในวงกว้างเมื่อเผชิญกับความไม่แน่นอน

    ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวสำหรับการบริหารธุรกิจให้พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอน แต่ Grab เชื่อว่าการส่งเสริมให้องค์กรมีความคล่องตัว พร้อมเรียนรู้ และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ การคำนึงถึงคนในอีโคซิสเต็มตลอดจนการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วนล้วนมีส่วนช่วยให้สามารถปรับตัวและเดินหน้าต่อได้แม้ต้องเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ยากลำบาก



บทความโดย Alex Hungate ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Grab Holdings Ltd.



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : คนดีอยู่ได้ องค์กรอยู่รอด ด้วย 4 จริยธรรมของผู้นำ

อ่านเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2568 ในรูปแบบ e-magazine