มหานคร London ประเทศอังกฤษ นับเป็นเมืองใหญ่ที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีแห่งหนึ่งในโลก ตั้งแต่รถไฟใต้ดิน รถเมล์ท้องถิ่น แทรมลิงก์ และรถไฟรางเบา ที่วิ่งให้บริการเชื่อมต่อใจกลาง London กับเขตชานเมือง ทำให้คนที่พักอาศัยและทำงานได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางและใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่แห่งนี้
- ศักยภาพเมืองน่าอยู่ -
นอกจากระบบขนส่งผู้คนจากในเมืองสู่นอกเมืองทำได้เป็นอย่างดีแล้ว London ยังมีพื้นที่สวนสาธารณะที่มากถึง 3,000 แห่ง คิดเป็นพื้นที่สีเขียวได้ถึง 18% ของพื้นที่เมือง โดยผู้บริหารเมืองนี้เตรียมผลักดันให้ London เป็น national park city เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ได้มากกว่า 50% ภายในปี 2593
ความเป็นเมืองน่าอยู่ของ London ไม่ได้เกิดขึ้นในด้านกายภาพเท่านั้น ในมิติทางสังคมก็ทำให้เมืองนี้อยู่ท็อปลิสต์อสังหาฯ น่าลงทุนทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน โดยในปี 2560 London ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “เมืองปลอดภัยสำหรับผู้หญิง” จากมูลนิธิทอมสัน รอยเตอร์ส และในปี 2562 Economist Intelligence Unit จัดอันดับให้ London เป็นเมืองปลอดภัยอันดับที่ 14 ของโลก
London ยังโดดเด่นในการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ทั้งพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และห้องสมุดสาธารณะ ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นจำนวนมากเดินทางเข้ามาชมความงามของเมืองใหญ่แห่งนี้
- เจาะลึกทำเลทอง -
หากเจาะลึกลงเป็นรายเขตจากงานวิจัยตลาดที่อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักรของไนท์แฟรงค์พบว่า W2 พื้นที่กลางเมือง London ตั้งอยู่ระหว่างย่านที่อยู่อาศัยชั้นนำอย่าง Notting Hill, Kensington Gardens และ Marylebone ที่น่าสนใจก็คือ โครงการฟื้นฟูครั้งใหญ่ ซึ่งจะตามมาด้วยแผนพัฒนาโครงการต่างๆ และการสร้างแลนด์มาร์กในพื้นที่บริเวณนี้และใกล้เคียง
ศักยภาพของเขต W2 ยังมีจุดศูนย์รวมของสถานีรถไฟใต้ดิน 5 แห่ง โดยรวมไปถึงเส้นทางบริการขนส่งสู่ตัวเมือง และเส้นทางบริการรถไฟแห่งชาติสถานี Paddington นอกจากนี้ เส้นทางในเมืองยังรองรับการขับขี่จักรยานได้หลายเส้นทางทั่วสวนสาธารณะ Hyde Park และ Kensington Gardens รวมทั้งการเดินเท้าที่สะดวกและไม่ไกลกันมากนักระหว่างจุดสำคัญๆ ในเมืองอย่าง Kensington, Notting Hill, Marylebone และ Mayfair
เมื่อเส้นทางรถไฟสายใหม่เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบจะส่งผลดีให้กับพื้นที่บริเวณนี้มีศักยภาพและกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งหลักอีกแห่ง ด้วยระบบขนส่งโดยตรงสายใหม่ที่เชื่อมต่อระหว่างสนามบิน Heathrow, West End พื้นที่เขตเมือง และ Canary Wharf
- Bayswater ย่านแห่งโอกาส -
ราคาขายโดยเฉลี่ยในเขต W2 อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านปอนด์ในปี 2563 ซึ่งต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงอย่าง Notting Hill ถึง 22% และต่ำกว่าเขต Kensington และ Knightsbridge มากถึง 70%
Bayswater อยู่บริเวณ Queensway โดยมีแผนพัฒนาถนนให้กลายเป็นแหล่งรวมตัวของร้านค้าปลีก การปรับปรุงพื้นที่สาธารณะ รวมถึงการเสนอโครงการพัฒนาที่สำคัญบนถนนนี้อีก 5 โครงการ ได้แก่ Park Modern (Fenton Whelan/Cheyne Capital), การปรับปรุง South Queensway (Bourne Capital), พลาซ่าแห่งใหม่ที่ Princes Court (Bourne Capital), แหล่งร้านค้าปลีกแห่งใหม่ที่ North Queensway (GMS Estates) และการพัฒนาของ Whiteleys (Finchatton/CC Land/MARK)
ทางทิศใต้ของ Queensway บริเวณทางเข้าสวนสาธารณะจะได้รับการพัฒนาโดย Park Modern ก่อสร้างอะพาร์ตเมนต์กว่า 50 ยูนิต มองเห็นวิวสวนสาธารณะ โดยอยู่ในฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าใหม่ของสวนเคนซิงตัน (Kensington Gardens) ซึ่งโครงการนี้จะเป็นประตูไปสู่ “Bayswater Village” ซึ่งเป็นชื่อที่สภาเทศบาลเมือง Westminster ตั้งให้ตามแผนการริเริ่มโดยรวม
ปัจจุบัน Queensway มีร้านค้าปลีกทั้งหมด 8 แถว แต่จะมีอีก 5 แถวที่จะถูกสร้างขึ้นใหม่และปล่อยให้เช่า โดยจะเข้ามาเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้พื้นที่รีเทลบนถนนสายนี้ โดยการพัฒนาครั้งนี้จะไปสิ้นสุดที่ตอนเหนือสุดของถนน โดยการพัฒนาที่มีเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านปอนด์จะเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในเมือง London ของ The Whiteley
- The Whiteley London ราคาดี -
ส่วนหนึ่งในพื้นที่พัฒนา Bayswater มี The Whiteley London เป็นโครงการมิกซ์ยูสเกิดใหม่ที่น่าสนใจ พื้นที่รวมกว่า 1 ล้านตารางฟุต ภายในประกอบด้วยที่อยู่อาศัย 139 ยูนิต ร้านค้าและร้านอาหาร 20 แห่ง โรงภาพยนตร์ สถานที่ออกกำลังกาย และโรงแรม Six Senses 110 ห้อง
The Whiteley London เป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง MARK และ CC Land พัฒนาจากเดิมเป็นศูนย์การค้าให้เป็นโครงการที่อยู่อาศัย พื้นที่ขนาด 1.1 ล้านตารางฟุต (102,193 ตารางเมตร) ประกอบด้วยห้องพักที่ทันสมัยระดับโลก 139 ยูนิต มีแบบห้องพักให้เลือกทั้งแบบ 1 ห้องนอน ห้องดูเพล็กซ์ และเพนต์เฮาส์ ราคาขายประมาณ 3-7 ล้านปอนด์ หรือเริ่มต้น 129 ล้านบาท
ภายในโครงการยังมีร้านค้าและร้านอาหารใหม่รวม 20 ร้านค้า โรงภาพยนตร์ ฟิตเนสขนาดใหญ่ โรงแรมและสปาชั้นนำแบรนด์ Six Senses จำนวน 110 ห้อง พร้อมด้วยสโมสรสุขภาพ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในช่วงปลายปี 2566
บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้รับมอบหมายจาก Finchatton ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการ The Whiteley London เสนอขายกลุ่มผู้ปกครองคนไทยที่ส่งลูกหลานไปเรียนต่อที่อังกฤษและกลุ่มนักลงทุนในราคาเริ่มต้น 3 ล้านปอนด์ หรือ 129 ล้านบาท โดยให้ผลตอบแทนการลงทุน 3-4%
ปัจจุบันโครงการนี้มียอดจองแล้ว 40 ยูนิต เป็นกลุ่มลูกค้าชาวอังกฤษ 35 ยูนิต และชาวเอเชีย 5 ยูนิต ส่วนกลุ่มลูกค้าคนไทยที่อยู่ระหว่างเจรจาเงื่อนไขของโครงการจำนวน 7 ราย ทั้งนี้คาดว่าจะตัดสินใจซื้อจำนวน 5 ราย คิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
ทั้งนี้ข้อมูลจาก ONS (Office for National Statistics) ราคาที่อยู่อาศัยโดยเฉลี่ยในสหราชอาณาจักรมีมูลค่าอยู่ที่ 281,000 ปอนด์ในเดือนเมษายนปี 2565 เพิ่มขึ้นกว่า 31,000 ปอนด์จากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจาก 9.7% ในเดือนมีนาคม เป็น 12.4% ในเดือนเมษายน ปี 2565 โดยราคาเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยในเมือง London ปัจจุบันอยู่ที่ 529,000 ปอนด์
ฝ่ายวิจัยตลาดที่อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักรของไนท์แฟรงค์ระบุว่า 8 เดือน นับตั้งแต่มีมาตรการหยุดพักชำระภาษีอากรแสตมป์และท่ามกลางการบีบคั้นค่าครองชีพจากภาครัฐ ยอดขายอสังหาฯ ในสหราชอาณาจักรคิดเป็น 18% สูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วง 5 ปีในเดือนพฤษภาคม หรือคิดเป็น 9% หากไม่นับปี 2563 และคาดว่าราคาขายใจกลางเมือง London จะปรับตัวดีกว่าทำเลอื่นๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า
การเติบโตของมูลค่าการเช่าในตลาดใจกลางเมือง London ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยอยู่ที่ 23.3% ขณะที่พื้นที่นอกเมืองเพิ่มขึ้นถึง 19% โดยลดลงไปสู่จุดต่ำสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เหตุผลที่ทั่วโลกนิยมลงทุนที่อังกฤษ เพราะคนส่วนใหญ่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ ความสะดวกสบายในการเดินทาง ความปลอดภัยในการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นเหตุผลให้ผู้ปกครองส่งบุตรหลานมาเรียนที่ London ต้องการซื้ออสังหาฯ ที่นี่ไว้เพื่อพักผ่อนระหว่างการศึกษา และมองถึงผลตอบแทนการลงทุนในอนาคตทั้งขายต่อและปล่อยเช่า เมื่อพิจารณาจากดีมานด์และซัพพลายที่มีอยู่คาดการณ์ว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ในอนาคต
Frank Khan
กรรมการบริหารฝ่ายที่อยู่อาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ ประเทศไทย จำกัด
อ่านเพิ่มเติม:
>> 10 อันดับ บุคคลร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ ประจำปี 2022
>> 4 สุดยอดสถานที่พำนักหลังเกษียณในสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2022