หากเจาะลึก ลงทุนอสังหาฯ เฉพาะทำเลในประเทศไทยที่ดึงดูดกลุ่มทุนต่างชาติ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ทำเลในกรุงเทพฯ และทำเลเมืองท่องเที่ยว โดยในกรุงเทพฯ
นอกจากทำเลใจกลางธุรกิจหลักอย่างย่านสุขุมวิท สีลม สาทร ปัจจุบัน “ทำเลรอง” กลายเป็นทำเลม้ามืด ที่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติสนใจ เพราะฐานราคาที่ยังไม่สูง มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี พบเจาะลึกการ "ลงทุนอสังหาฯ" โดย อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทยเปิดทำเลรอง กรุงเทพฯ
ในกรุงเทพฯ ทำเลที่คิดว่าจะเป็นที่น่าสนใจและเป็นทำเลรอง หรือ secondary prime area หรือทำเลที่อยู่ใกล้ ทำเลหลักที่ราคาที่ดินยังคงสามารถจับต้องได้และ เดินทางสะดวก โดยการมีเครือข่ายรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจ ในการขยายการลงทุนไปในทำเลรอบนอกมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, พหลโยธิน, จตุจักร, สุขุมวิทตอนปลาย เช่นเดียวกับ ทำเลริมน้ำจะกลายเป็น luxury destination ซึ่งยังมีมนต์ขลังในการดึงดูดนักลงทุนด้านเมืองท่องเที่ยว โซนทะเล ยังคงเป็นโซนหลัก เช่น ภูเก็ต พัทยา ซึ่งเป็นที่สนสำหรับนักลงทุนต่างชาติไม่เสื่อมคลาย เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย แต่สิ่งที่มองเห็น คล้ายกันกับ ตลาดในกรุงเทพฯ นั่นคือ การขยายตัวไปในทำเล ใหม่ๆ เช่น ภูเก็ตจะขยายไปโซนนาใต้ จังหวัดพังงา มากขึ้น สืบเนื่องจากที่ตลาดในภูเก็ตเริ่มแน่น และ การมาของสนามบินใหม่ในพังงาจะทำให้ทำเลนี้น่าสนใจมากขึ้นพัทยา บางเสร่-นาจอมเทียน
ส่วนในพัทยา ทำเลบางเสร่และนาจอมเทียนจะมีโอกาสในการเติบโตสูง ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาโรงแรม 5 ดาวเพิ่มอีกหลายแห่งเนื่องจาก ยังมีที่ดินริมทะเลเพื่อการพัฒนาและจากการพัฒนาโครงการพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และพัทยาถือเป็นตลาดที่ราคายังไม่สูง จนเกินไปสำหรับการลงทุนของทั้งคนไทยและต่างชาติปัจจุบันยังคงมีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ขึ้นในพื้นที่พัทยา และนาจอมเทียน แต่ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินลึกเข้าไปในซอยแยกย่อย และเน้นการพัฒนาในรูปแบบคล้ายๆ คอนโดเทล คือขออนุญาตเป็นโรงแรมด้วย และขายโดยข้อเสนอ การลงทุนแบบโรงแรม ที่เปิดให้เช่ารายวันเป็น ผลตอบแทน ซึ่งโครงการลักษณะนี้ มีกระจายอยู่หลายแห่งในพื้นที่พัทยาและนาจอมเทียนในปัจจุบัน ซึ่งต่างจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในทำเลนี้ ซึ่งอดีตจะพัฒนาเฉพาะคอนโดมิเนียมเพื่อขายเท่านั้นนาใต้บูม รับภูเก็ตโต
สำหรับ ลงทุนอสังหาฯ ในภูเก็ต ยังคงโดน ขับเคลื่อนโดยผู้ซื้อทั้งชาวไทยและต่างชาติที่โฟกัสที่การลงทุนมากกว่าการอยู่อาศัยเอง โดยเฉพาะโครงการที่มีการรับประกันผลตอบแทนและบริการช่วยหาผู้เช่าให้ โครงการที่ขายได้ดียังคงเป็นโครงการในระดับล่างถึงกลางที่ราคาไม่สูงมาก เหมาะกับการลงทุน การขายในตลาดระดับบนของภูเก็ตนั้น ยังคงไปได้ดี ในโครงการที่อยู่ติดทะเลหรือเห็น วิวทะเล ที่อยู่ในราคา 10-35 ล้านบาท เนื่องจากผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่ชื่นชอบโครงการที่มีแบรนด์โรงแรมบริหารบวกกับบริการด้านการปล่อยเช่า ปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นและเศรษฐกิจในประเทศจีนที่ชะลอตัวลง ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและภูเก็ตลดลง โดยนักท่องเที่ยวจีนลดลง 5% ใน 6 เดือนแรกของปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 ส่งผลให้อัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในภูเก็ตลดลง 6.4% จากปีที่แล้ว จากการที่พื้นที่หรือทำเลหลักๆ บนเกาะภูเก็ต เริ่มหนาแน่นและการหาที่ดินในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ยากขึ้น ทำเลที่เราคาดว่าจะเติบโตขึ้นคือทำเลนาใต้ จังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ ซึ่งอยู่ ไม่ไกลทั้งจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตและสนามบิน พังงาที่จะเปิดใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในภูเก็ต และมีที่ดินในการพัฒนาโครงการเหลืออีกมาก เรื่อง: กัญสุชญา สุวรรณคร และฐิตาภา ญาณพัฒน์คลิกเพื่ออ่านบทความทางด้านการลงทุนได้ที่ Forbes Life แถมฟรีมาในนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2019 ในรูป e-Magazine