สมาร์ตโฟนที่ Lei Jun เปิดตัวครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน ในนาม “ข้าวเมล็ดน้อย” หรือ Xiaomi ในภาษาจีนกลาง ได้พิสูจน์ให้เห็นในห้วงเวลาสั้นๆ ถึงความโดดเด่นที่เหนือใครในด้านขนาดตัวเครื่องผนวกกับราคาที่ย่อมเยา Xiaomi สามารถรุกตลาดขนาดใหญ่ของโทรศัพท์มือถือในเอเชียได้อย่างรวดเร็ว ราคาที่ย่อมเยาของ Xiaomi ทำให้ผู้คนหลายพันล้านได้เป็นเจ้าของอุปกรณ์สื่อสารดิจิทัลอันทรงพลัง และ Forbes Asia เลือก Lei ให้เป็น นักธุรกิจแห่งปี 2014 เนื่องจากบทบาทของเขาในการผลักดันให้สมาร์ตโฟนกลายมาเป็นของจำเป็นที่ขาดไม่ได้ในยุคปัจจุบัน
รายได้ของ Xiaomi ในช่วงครึ่งแรกของ 2014 อยู่ที่ ระดับ 5.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่ารายได้ทั้งปี 2013 ซึ่งบริษัทมีเงินได้สุทธิ 566 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ การวางจุดยืนบริษัทก็เป็นไปอย่างชาญฉลาด Xiaomi วางตัวเองเป็นผู้เล่นตัวเล็กๆ ของจีนในตลาดโทรศัพท์โลก นำเสนอผลิตภัณฑ์ในราคายุติธรรม โทรศัพท์มาตรฐานของ Xiaomi เครื่องละไม่กี่ร้อยเหรียญ ถูกกว่าไอโฟนในจีนถึงเท่าตัว แต่กลับไม่ได้ด้อยไปกว่าแบรนด์ชั้นนำทั้งหลายที่ใช้ระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ บริษัท วิจัยตลาด Kantar พบว่า Lei ดึงราคาเฉลี่ยของโทรศัพท์ลงเร็วว่าผู้ผลิตรายอื่น Xiaomi หั่นราคาโทรศัพท์มือถือลงอย่างน้อย 10% ด้วยการวางขายออนไลน์เท่านั้นทำให้สามารถตัดส่วนกำไรของร้านค้าปลีกและคน กลางออก “เป้าหมายของผมคือการทำให้ Xiaomi กลายเป็นแบรนด์ประจำชาติ ที่มีอิทธิพลต่อภาพลักษณ์อุตสาหกรรมของจีนและรังสรรค์ประโยชน์ให้กับทุกคนใน โลก” เขากล่าวกับ Forbes Asia Lei Jun ในวัย 45 ปี รั้งตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับที่ 8 ของประเทศจีน ในทำเนียบ Forbes โดยล่าสุดจากการจัดลำดับมหาเศรษฐีพันล้านประจำปี 2015 เขามีทรัพย์สินในลำดับที่ 87 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1.32 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ Leader Board: วงล้อแห่งความมั่งคั่งของ Lei Junอ่านฉบับเต็ม "Lei Jun ป่วนโลกสมาร์ตโฟนด้วย Xiaomi" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ FEBRUARY 2015