โอกาสทางธุรกิจในม้วนภาพยนตร์ชุดที่ลูกเถ้าแก่ร้านเช่าวิดีโอค้นพบได้รับการต่อยอดจากกิจการครอบครัวสู่ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ในอาณาจักรคอนเทนต์ พร้อมส่งออกความภาคภูมิของไทยไปยังทั่วโลก
“เรามักจะเปรียบตัวเองเสมอว่า เราขายยาเสพติดทางสายตา เราต้องทำให้คนติดได้ตลอดเวลา” จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นเล่าถึงหัวใจสำคัญของธุรกิจที่ตกผลึกจากประสบการณ์บนเส้นทางการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์เกือบ 20 ปี กว่าบริษัทจะเติบโตกลายเป็นผู้นำการจัดจำหน่ายที่มีลิขสิทธิ์จำนวนมากที่สุดในประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่เริ่มต้นจากพรสวรรค์และพรแสวงที่หล่อหลอมจักรพงษ์ในฐานะบุตรชายคนโตของร้าน “ST Video”ซึ่งดำเนินกิจการให้เช่าและจำหน่ายวิดีโอย่านบางแคที่ทำให้เขาได้รับชมภาพยนตร์ทั้งร้านจนซึมซับเข้าไปในสัญชาตญาณ จักรพงษ์เลือกศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาที่ Sydney ประเทศออสเตรเลีย และเริ่มต้นทำงานพิเศษสร้างตัวตั้งแต่วัย 15 ปี โดยใช้เวลาศึกษามหาวิทยาลัยเพียง 2 ปีก็สามารถคว้าปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ Bond University และเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อสานต่อกิจการครอบครัวในวัยเพียง 20 ปี ภาพจากสารคดี Walking with Dinosaurs คอนเทนต์เรื่องแรกที่จักรพงษ์นำเข้ามาทำตลาดในไทย (Cr: bbcearth.com) ในช่วงเวลาที่วิดีโอกำลังใกล้ถึงทางตัน โดยมีแผ่นวีซีดีและดีวีดีพัฒนาการขึ้นแทนที่ ทายาทรุ่น 2 ของร้าน ST Video ซึ่งตีโจทย์คุณค่าแท้จริงของผลิตภัณฑ์ได้สำเร็จ ด้วยการมองวิดีโอและแผ่นซีดีเป็นเพียงอุปกรณ์การสื่อสารที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา จักรพงษ์จึงตั้งต้นค้นหาความสนใจด้านการรับชมสาระและบันเทิงในฐานะผู้ชม ในที่สุดเขาตัดสินใจติดต่อ BBC ประเทศอังกฤษเพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์สารคดี Walking with Dinosaurs เพื่อนำมาแปลภาษาและจัดทำปกซีดีออกขายให้ร้านวิดีโอ แต่ไม่มีใครรับจำหน่าย แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคแต่จักรพงษ์เลือกที่จะมองหาทุกความเป็นไปได้ จนกระทั่งค้นพบโอกาสแจ้งเกิดทางธุรกิจบนจอโทรทัศน์ สร้างยอดขายถล่มทลายมากกว่า 10 ล้านบาทในวัยไม่ถึง 21 ปี จักรพงษ์นำเข้าลิขสิทธิ์สารคดี BBC เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายต่อไปยัง National Geographic และ Discovery Channel ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีและประสบความสำเร็จด้านยอดขายเรื่อยมา รุกธุรกิจนำเข้าส่งออก แม้จักรพงษ์จะสามารถสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มสารคดีต่างประเทศ แต่เขายังคงมองหาโอกาสสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากตกผลึกธุรกิจจึงค้นพบคำว่า “คอนเทนต์” “หลังจากติดต่อซื้อลิขสิทธิ์ระยะหนึ่งจึงตกผลึกถึงสิ่งที่เราทำ คือการส่งต่อคอนเทนต์ไปยังผู้ชม ด้วยเครื่องมือสื่อสารที่หลากหลาย” สำหรับการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของบริษัทในปัจจุบันครอบคลุมช่องทางการเผยแพร่ 5 ช่องทางได้แก่ 1.สถานีโทรทัศน์ดิจิทัล (DTT : Digital Terrestrial TV) 2.สถานีโทรทัศน์ระบบเคเบิลและดาวเทียม (Cable & Satellite) 3.โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Home Entertainment) เช่น แผ่น DVD หรือ Blu-ray 4.ระบบช่องสัญญาณทางอินเทอร์เน็ตหรือวิดีโอออนดีมานด์ (VOD : Video On Demand) 5.สินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง (Merchandise) ขณะที่การดำเนินธุรกิจของบริษัทแบ่งเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่ บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ทั้งการซื้อและนำเข้าลิขสิทธิ์ในประเทศ-ต่างประเทศ, บริการเวลาเพื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้าทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม (Satellite) ของบริษัท และสถานีโทรทัศน์ระบบดิจิทัล สุดท้ายคือการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เช่น สินค้าประเภท Home Entertainment (DVD, Blu-ray) จักรพงษ์ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซึ่งเป็นกลุ่มรายได้หลักของบริษัท โดยบริษัทจะดำเนินการแปลและพากย์เสียงเป็นภาษาไทยก่อนจำหน่ายแบบ B2B ให้กับลูกค้าในประเทศ ประกอบด้วย บริษัทที่ประกอบธุรกิจสถานีโทรทัศน์, Home Entertainment และธุรกิจ VOD ด้านลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของบริษัทแบ่งเป็น 8 กลุ่มตามลักษณะรายการ รวมถึงเนื้อหาและแหล่งที่มาของลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ได้แก่ 1.เจเคเอ็น ออริจินอล (JKN Originals) สารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งบริษัทได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากสำนักพระราชวังในการจัดทำร่วมกับ National Geographic สารคดีเฉลิมพระเกียรติ “My King-ในหลวงของเรา...ความสุข ความทรงจำ นิรันดร” ซึ่ง JKN จัดทำร่วมกับ National Geographic 2.กลุ่ม Asian Fantasy ซีรีย์ ละคร และภาพยนตร์ จากประเทศในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ อินเดีย ฟิลิปปินส์ จีน เป็นต้น โดยเป็นกลุ่มลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของบริษัทที่มีความต้องการจากลูกค้ามากที่สุด เช่น สีดาราม ศึกรักมหาลงกา, รามเกียรติ์, จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์, มูยุล มหาบุรุษพิชิแผ่นดิน เป็นต้น ตัวอย่างซีรีย์กลุ่ม Asian Fantasy ที่ JKN นำเข้า เช่น (บนซ้าย) แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง, (บนขวา) อโศกมหาราช (ล่าง) คิมจุน วีรบุรุษกู้แผ่นดิน 3.กลุ่ม Hollywood Hit ซีรีย์และภาพยนตร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งประเภทแอคชั่น สืบสวน สอบสวน และแฟนตาซี ซึ่งเป็นที่รู้จักของผู้ชมในประเทศ เช่น CSI, Walking Dead, NCIS LA 4.I-Magic The Project สารคดีสัตว์โลก ธรรมชาติ เชิงประวัติศาสตร์ ชีวประวัติบุคคลสำคัญระดับโลกซึ่งบริษัทซื้อและนำเข้าจากผู้ผลิตสารคดีระดับโลก เช่น Last day of dinosaurs, พระพุทธเจ้า, สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้น 5.Kids Inspired การ์ตูนต่างประเทศ 6.Music Star Parade คอนเทนต์คอนเสิร์ต 7.News ข่าวต่างประเทศ 8.กลุ่ม Super Show คอนเทนต์รายการตลกในประเทศ รวมถึงรายการแข่งขันต่างๆ โดยบริษัทมีจำนวนคอนเทนต์รวม ณ เดือน มีนาคม 2560 จำนวนมากกว่า 6,000 เรื่องรวมมูลค่าสุทธิ 1.16 พันล้านบาท ตลาดทุนติดปีกคอนเทนต์ รสนิยมการเสพละครหรือภาพยนตร์ชุดที่ใกล้เคียงกันระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้จักรพงษ์เล็งเห็นโอกาสการซื้อลิขสิทธิ์เพิ่มเติมให้ครอบคลุมไปยังประเทศอื่น เช่น เมียนมา และกัมพูชา เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น “เราต้องการเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการจัดจำหน่ายคอนเทนต์ระดับโลก โดยเริ่มขยายไปยังประเทศเมียนมา และกัมพูชา พร้อมทั้งการระดมเงินทุนขยายงานต่างๆ ของบริษัท ซึ่งเราใช้เวลาประมาณ 3 ปีในการเตรียมตัวแปลงจากบริษัทจำกัดเป็นมหาชนและเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ” บริษัทพร้อมนำเงินระดมทุนต่อยอดการดำเนินงานการลงทุนลิขสิทธิ์ CNBC ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิจาก National Broadcasting Company Universal (NBC) ในปี 2559 มีระยะเวลา 10 ปี (2560-2570) ส่วนหนึ่งเพื่อนำคอนเทนต์รายการของ CNBC จากต่างประเทศมาตัดต่อ แปล และพากย์เสียง เพื่อจำหน่ายแบบ B2B เช่นเดิม ปัจจุบันมีลูกค้า คือ ช่อง 3 และ Bright TV อีกส่วนหนึ่งคือ บริษัทได้รับสิทธิผลิตรายการในไทยตามรูปแบบเดียวกับ CNBC ในลักษณะข่าวธุรกิจการลงทุนเพื่อออกอากาศผ่านช่อง JKN CNBC สำหรับแผนการนำเข้าและจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ในอนาคต จักรพงษ์ให้ความสนใจคอนเทนต์จากบอลลีวูดเป็นพิเศษ เพราะเป็นคอนเทนต์ที่ผูกพันใกล้ชิดกับคนไทยในทางวัฒนธรรมเสมอมา “การแข่งขันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของทุกอุตสาหกรรม แต่เรามั่นใจในระยะเวลาการดำเนินงานในประเทศไทยปีนี้เข้าสู่ปีที่ 18 ทำให้เรามองออกว่าคอนเทนต์เหล่านี้เราจะขายใครและขายได้หมด ด้วยกลยุทธ์หลากหลาย เช่น งานเปิดตัว ทำเพลงประกอบ เสียงพากย์ แปล จัดงานอีเวนต์ โรดโชว์ มันเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องผสมผสานกัน ไม่ใช่แค่ซื้อมาขายไป แต่เป็นการลงทุนและกลยุทธ์การตลาดที่เราทำให้ลูกค้าทั้งหมด” จักรพงษ์กล่าว ภาพ: อรรคพล คำภูแสนอ่านฉบับเต็ม "จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ JKN คอนเทนต์พันล้าน" ได้ใน นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ ธันวาคม 2560 ในรูปแบบ E-Magazine