จากยาหม่องน้ำของซินแสสู่ “เซียงเพียวอิ๊ว” ที่ บุญเจือ เอี่ยมพิกุล นำมาต่อยอดปรับปรุงสูตรจนเป็นเอกลักษณ์ยืนหยัดผ่านกาลเวลากระทั่งมาถึงมือของ สุวรรณา เอี่ยมพิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด วัย 55 ปีที่ยังคงยึดสูตรยาของผู้เป็นพ่อไว้อย่างแม่นมั่น ขณะเดียวกันก็ไม่รีรอที่จะพัฒนากระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานสากล
ปัจจุบัน บริษัทมีผลิตภัณฑ์ยาหม่อง ยาหม่องน้ำ ยาดม และครีมบรรเทาอาการปวดภายใต้แบรนด์ “เซียงเพียว” (Siang Pure) และ “เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์” (Peppermint Field) เจาะตลาดครอบคลุมทั้งกลุ่มคนวัยทำงานถึงวัยผู้ใหญ่และกลุ่มคนรุ่นใหม่ เป้าหมายของสุวรรณาไม่ได้อยู่แค่การเป็นผู้เล่นเบอร์ต้นๆ ในประเทศ ทว่ามองไกลไปยังอาเซียนและภูมิภาคอื่นด้วยการปักหลักแบรนด์ให้ได้อย่างมั่นคง เพื่อสร้างการเติบโตขององค์กรในระยะยาวถอดรหัสสูตรลับซินแส
จุดกำเนิดของยาหม่องน้ำเซียงเพียวย้อนไปได้สมัยบุญเจือยังหนุ่ม แต่เดิมเขามีอาชีพเป็นพ่อค้าคนกลางค้าขายพืชสวน เช่น พริก หัวหอม ฯลฯ แม้รายได้จะทำให้ครอบครัวอยู่อย่างไม่ลำบากนักแต่เขาก็คิดเสมอว่าการค้ารูปแบบนี้ไม่มีความแน่นอน ชายหนุ่มจึงคิดหาลู่ทางทำมาค้าขายแบบอื่นที่สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้เองมากกว่า

ตั้งมั่นแบรนด์เดิม-เสริมแบรนด์ใหม่
สุวรรณาคือลูกคนที่ 3 ในจำนวนลูกๆ ซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมด 4 คนของบุญเจือและสุชาดา เธอคลุกคลีกับธุรกิจค้าขายพริกและหัวหอมมาตั้งแต่เด็ก สุวรรณาศึกษาต่อระดับปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจที่ Oregon State University สหรัฐอเมริกา แล้วกลับมาเรียน MBA ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ก่อนทำงานด้านการตลาดในหลายบริษัท จนวันหนึ่งพ่อและแม่ก็ตัดสินใจเรียกลูกสาวกลับมาช่วยสานต่อกิจการครอบครัวราวปี 2534 โรงงานผลิตยาหม่องน้ำเซียงเพียวในยุคนั้นตั้งอยู่ที่ซอยลาดพร้าว 80 มีทีมงานเพียงไม่กี่คน หลังจากศึกษาแนวทางการทำงานของครอบครัวได้ระยะหนึ่ง สุวรรณาก็งัดกลเม็ดสายงานการตลาดมาใช้ เพื่อปักหลักผลิตภัณฑ์ให้มั่นคง

“ยาหม่องเจลและยาหม่องแท่งเป็นตลาดที่เฉพาะมาก เพราะราคาสูงกว่ายาหม่องทั่วไป แต่เราทำเพื่อสร้างความรับรู้และเป็นการนำทางให้ยาดมเข้าตลาด” จากนั้นยาดมเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ จึงวางจำหน่ายในปี 2548 การสร้างภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัยทำให้ยาดมเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ ได้รับความนิยมไต่อันดับสู่เบอร์ 2 ในตลาด ตามหลังเบอร์ 1 อย่างโป๊ยเซียนที่ครองส่วนแบ่งเกือบ 80%
เสริมการผลิตรับตลาดอาเซียน
“ในพื้นที่แถบเอเชีย ยาหม่องหรือยาดมเป็นเหมือนน้ำหอมเพราะอาศัยกลิ่น เหมือนเราชอบกลิ่นนี้แต่บอกไม่ได้ว่ากลิ่นนี้ดีกว่ากลิ่นนั้นอย่างไร เลยเป็นความโชคดีของเซียงเพียวอิ๊วที่ว่าคนแถบนี้ดมแล้วเขาชอบมาก...” สุวรรณาเล่าว่ายาหม่องน้ำเซียงเพียวมีจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ยุคของบุญเจือ เน้นประโยชน์ใช้สอยของสินค้าเป็นหลัก ส่วนยุคของเธอจะเพิ่มการทำแบรนด์ด้วยกลยุทธ์คือ “One World One Brand” คุณภาพสินค้า วิธีการจัดวาง และวิธีการนำเสนอ ต้องเป็นแบบเดียวกันหมด เน้นการหาพันธมิตรในรูปแบบดิสทริบิวเตอร์เพื่อช่วยดูแลช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศนั้นๆ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุรายได้รวมของเบอร์แทรมเคมิคอล (1982) ปี 2558-2559 ว่าอยู่ที่ราว 1.03 พันล้านบาท และ 1.19 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิที่ 169 ล้านบาท และ 212 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนรายได้รวมในปี 2560 ผู้บริหารหญิงกล่าวว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านบาท ด้านรายได้รวมปี 2561 คาดเติบโตจากปีที่แล้ว 20-25% หรือกว่า 1.6 พันล้านบาท
“เราเป็นบริษัทยาก็จริง แต่ดีเอ็นเอคือมาร์เก็ตติ้ง หมายความว่าเราเอาความต้องการของลูกค้าเป็นตัวตั้งและนำเทคโนโลยีมาพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น” สุวรรณาสำทับปิดท้าย
ภาพ: กิตติเดช เจริญพร และบริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด
คลิกอ่านบทความฉบับเต็มของ "สุวรรณา เอี่ยมพิกุล 'เซียงเพียว' ส่งสรรพคุณไกลในอาเซียน" ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมกราคม 2561


