TIME ยก Elon Musk เป็น 'บุคคลแห่งปี' 2021 บอกอะไรเกี่ยวกับเรา - Forbes Thailand

TIME ยก Elon Musk เป็น 'บุคคลแห่งปี' 2021 บอกอะไรเกี่ยวกับเรา

FORBES THAILAND / ADMIN
15 Dec 2021 | 04:00 PM
READ 2459

'บุคคลแห่งปี' ตำแหน่งสูงสุดในชีวิตของบางคนเมื่อนิตยสาร TIME เลือกให้คุณเป็นสุดยอดมนุษย์ในปีนั้น ตำแหน่งที่สำคัญนี้ตกเป็นของ Elon Musk ในปี 2021 และนี้กำลังชี้ให้เห็นอะไรเกี่ยวกับสังคมเรา

หลังจากที่เราได้เห็นนักวิทยาศาสตร์หัวใสทั้งหลายพัฒนาวัคซีนช่วยเหลือคนจำนวนมาก และบุคคลากรด่านหน้าที่รักษาผู้คนนับล้านที่ป่วยจากโควิด-19 ประดุจฮีโร่  นิตยสาร TIME ก็ได้เลือกเศรษฐีพันล้านด้านเทคโนโลยีนามว่า Elon Musk เป็น 'บุคคลแห่งปี 2021' การตัดสินใจครั้งนี้บอกอะไรหลายๆ อย่างกับเราว่าเราเห็นอะไรสำคัญกันแน่ในวัฒนธรรมปัจจุบัน และชี้ให้เห็นว่าพวกเราความสนใจกับเรื่องความมั่งคั่งมากแค่ไหน แม้ว่าการกระทำเหล่านั้นจะเห็นแก่ตัวและไร้ความรับผิดชอบ
(Photo Credits: AP News)
Musk ใช่แล้วล่ะ เป็นผู้นั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแห่ง SpaceX และ ​Tesla สองบริษัทผู้นำด้านนวัตกรรม (ไหนจะมีประเด็นที่โต้เถียงกันอยู่อีก: Tesla กำลังเผชิญกับการสืบสวนด้านความปลอดภัยของระบบ ​Autopilot จากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ทาง Tesla เองก็ได้ออกมาโต้ตอบ และรัฐบาลกลางก็กำลังตรวจสอบข้อกล่าวหาจากพนักงานไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การแบ่งแยกทางเชื้อชาติ และการล่วงละเมิดทางเพศอีกด้วย ซึ่ง ณ ตอนนี้ ทางบริษัทยังไม่ได้ออกมาให้การอะไรทั้งนั้น) แม้ว่า TIME จะไม่ได้ตั้งใจให้ผู้ที่ครองตำแหน่งบุคคลแห่งปีได้รับการสรรเสริญ แต่แค่เป็นการให้ตำแหน่งกับบุคคลที่สร้างอิมแพคมากกว่า แต่ถึงจะคำนวณว่าใครจะได้ครองตำแหน่งด้วยสูตรนี้ ก็ถือว่าพลาดอยู่ดี และถึงแม้จะมีทรัพยากรที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จากการเป็นไททันแห่งวงการเทคโนโลยีของ Musk ส่วนมากแล้วเขาก็เลือกที่จะไม่ใช้อิทธิพลที่เขากำลังดื่มดำอยู่นั้น ในการใช้เงินและชื่อเสียงของเขาช่วยทำให้โลกนี้ดีขึ้นบ้างเลย ตำแหน่งบุคคลแห่งปีนี้อาจจะไม่ได้ถือเป็นการให้เกียรติก็เป็นได้ ใน 94 ปีที่ผ่านมาของตำแหน่งนี้ บางคนที่ขึ้นนั่งแท่นก็ไม่ได้มีศีลธรรมดีงามนัก แต่ที่ได้ไปแน่ๆ คือไฟสปอตไลท์ดวงโตฉายตรงไปยังบุคคลนั้นๆ
บุคคลแห่งปี
บุคคลแห่งปีที่ผ่านๆ มาของนิตยสาร TIME (Photo Credits: TIME)
ในการประกาศเลือก Musk เป็นบุคคลแห่งปี 2021 TIME เริ่มโดยการอธิบายถึงชายคนนี้ว่าเป็น "ชายที่รวยที่สุดในโลก" หากมองในมุมนี้ การให้ตำแหน่งครั้งนี้ก็เหมาะดี เมื่อชาวอเมริกันส่วนใหญ่เองก็เชิดชูความมั่งคั่งใช่เล่น แต่โชคร้ายที่ TIME เลือกยอมรับบางคนที่โปรยเงินเล่น แต่โปรยเงินให้การกุศลน้อยนิดเหลือเกินเมื่อเทียบกับสินทรัพย์มหาศาลของเขา ดังที่ The New York Times ได้อธิบายไว้ "ก่อนจะเข้าปีนี้ มีการคาดการณ์การหนึ่งบอกไว้ว่าเขาให้เงินไปกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือว่ามากทีเดียวไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม ยังเว้นสำหรับเศรษฐีพันล้านทั้งหลายอย่าง Mr. Musk" โชคร้ายยิ่งกว่าที่ Musk เหมือนกับเศรษฐีพันล้านแนวหน้าคนอื่นๆ รวมถึง Jeff Besoz และ Richard Branson ด้วยนั้น ทุ่มเงินและหยาดเหงื่อไม่น้อยในการพยายามพามนุษย์ออกไปนอกโลก ในขณะที่บนโลกใบนี้ก็ต้องการสองสิ่งนั้นมากเหลือเกิน เช่น ชาวอัฟกันล้านกว่าคนกำลังต้องอดอยากขาดอาหารอยู่ และในฤดูหนาวนี้ คนเกินครึ่งในอัฟกานิสถาน (ราวๆ 22.8 ล้านคน) จะเสี่ยงตายจะการขาดอาหาร ที่แย่ไปกว่านั้น Musk เคยขัดขวางคนอื่นๆ ที่มีทรัพย์สินเช่นกันไม่ให้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนอื่นในยามต้องการอีกด้วย อีกทั้ง เขาได้เป็นส่วนหนึ่งในสิ่งที่นักวิจัยเรียกกันว่า 'troll philanthropy' โดยตั้งคำถามว่าการช่วยเหลือจากเขาและคนอื่นๆ จะมีค่าต่อความเป็นอยู่ของมนุษยชาติแค่ไหนกันเชียว เมื่อเร็วๆ นี้ Musk ได้ท้าทายความน่าเชื่อถือของ World Food Programme โดยกล่าวว่าท้าให้อธิบายว่าพวกเขาจะรักษาความหิวโหยของโลกนี้ได้อย่างไร แถมยังเสนอขายหุ้นของเขาด้วย ทาง UN ได้ตอบกลับเศรษฐีหนุ่มด้วยแผนการอย่างละเอียด แต่ทาง Musk เองกลับเงียบเฉยไป นอกจากนั้น Musk ยังได้ทำแบบสำรวจถามผู้คนว่าเขาควรจะจ่ายภาษีหรือไม่ พูดกันตรงๆ นะ Mr. Musk ทุกคนควรจ่ายภาษีตามที่ควรต้องจ่ายเพื่อที่จะนำไปสู่การสร้างสาธารณะประโยชน์อย่างการศึกษา ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมที่ดีได้ ซึ่งพวกเราทุกคนก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย นอกจากนั้น Musk ยังแสดงให้เห็นถึงความไร้ความรับผิดชอบอย่างมากในความคิดเห็นของเขาต่อสถานการณ์โรคระบาด ดังที่ตนเคยเขียนไว้แล้ว การเรียกร้องให้อเมริกาเปิดประเทศของเขาในช่วงเวลาที่การเว้นระยะห่างทางสังคมคือสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตได้ จะเรียกว่าอย่างอื่นนอกจากเห็นแก่ตัวไม่ได้เลย นอกจากนี้เขายังสนับสนุนให้คนตั้งข้อสงสัยกับวัคซีนในตอนแรกๆ โดยการตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยและบอกว่าเขาจะไม่ฉีดวัคซีน บุคคลสาธารณะที่มีความรับผิดชอบจะทำสิ่งที่ตรงข้ามกัน และใช้ชื่อเสียงของตนเองในการผลักดันให้คนจำนวนมากที่สุดเข้ารับวัคซีนเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าในภายหลัง เขาจะกล่าวว่าตัวเองได้เข้ารับวัคซีน และสนับสนุนการฉีดวัคซีน แต่คอมเมนต์แรกของเขาก็มาในช่วงเวลาคอขาดบาดตายที่ผู้คนยังไม่ได้ลงหลักปักใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อในวัคซีนดี Musk เองควรจะเข้าใจถึงอิทธิพลของตัวเองมากกว่านี้ และก็ชัดเจนอีกด้วยว่า Musk ไม่ใช่ชายที่ต้องการความสนใจไปมากกว่านี้แล้ว นักธุรกิจคนนี้คิดว่าตัวเขานั้นน่าสนใจมากจนถึงกับเป็นที่รู้กันว่าเขามักจะทวีตบอกโลกออนไลน์เมื่อไรก็ตามที่ไปเข้าห้องน้ำ จากที่ TIME ได้บอกไว้นะ แม้ว่าไม่ต้องคิดให้หนักว่าทำไมเขาถึงหลงตัวเองได้ขนาดนี้ การเป็นหนึ่งในตัวแทนแห่งอนาคตธุรกิจยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และเที่ยวบินท่องเที่ยวสู่อวกาศนั่นมันก็น่าทึ่งอยู่ แต่ต้องคิดหนักเลยว่าทำไมเราถึงเป็นวัฒนธรรมที่ใจจดใจจ่อกับชายคนหนึ่งที่การตัดสินใจส่วนบุคคลของเขานั้นไม่น่าเป็นที่นึกถึงนักขนาดนี้ ลองนึกดูว่าสิ่งที่ TIME ต้องการจะสื่อจะต่างไปขนาดไหนหากพวกเขาเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ และบุคคลากรด่านหน้าที่ทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเหลือคนอื่นในช่วงเวลาที่เลวร้ายของมนุษยชาตินี้ เราสามารถสนใจในการพัฒนาแห่งโลกอนาคตได้โดยไม่ต้องบูชาเด็กในร่างผู้ใหญ่อย่าง Musk ที่นิสัยไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีอะไรนัก และแม้ธุรกิจต่างๆ ของเขานั้นควรค่าแก่การหารือกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจำเป็นที่จะต้องสร้างลัทธิบูชาบุคคลเพื่อชายคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นบุคคลตัวอย่างหนักเลย Note: บทความนี้เป็นบทความความคิดเห็น เขียนโดย Kara Alaimo รองศาสตราจารย์ ณ Lawrence Herbert School of Communication, Hofstra University และอดีตโฆษกฝ่ายการต่างประเทศแห่งกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สมัยประธานาธิบดี Obama และนับเป็นความคิดเห็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ What Elon Musk as 'Person of the Year' says about us เผยแพร่บน ​​CNN.com อ่านเพิ่มเติม: '10 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก' ประจำปี 2021
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

TAGGED ON