Mercer บริษัทผู้นำด้านการให้คำปรึกษาชั้นนำระดับโลก เผยผลการจัดอันดับ “เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก ประจำปี 2022” เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อหรือแม้แต่สงครามยูเครน ล้วนส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายที่นายจ้างต้องพิจารณาในการโอนย้ายลูกจ้างไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ
ในบรรดากว่า 400 เมืองทั่วโลก “Hong Kong” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก” สำหรับชาวต่างชาติ จากการเปรียบเทียบราคาสินค้า 200 รายการ อาทิ ที่อยู่อาศัย อาหาร และของใช้ในครัวเรือน เพื่อช่วยให้นายจ้างสามารถออกแบบแพ็คเกจค่าตอบแทนอย่างสมเหตุสมผลที่สุด
ทว่าหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดูเหมือนว่า ขณะนี้บริษัทหลายแห่งได้อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้ ฉะนั้นรายงานการจัดอันดับครั้งนี้จึงมีการนำดัชนีวัดค่าความอ่อน-แข็งค่าของแต่ละสกุลเงินมาร่วมพิจารณาด้วย
“เรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการระบาดใหญ่ คือ ผู้คนตื่นขึ้นมา และตระหนักว่าคุณสามารถทำงานได้จากทุกที่” Vince Cordova พาร์ตเนอร์จาก Mercer's CareerPractice group กล่าว ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า รายงานฉบับนี้จะช่วยให้ “นายจ้างเข้าใจว่าพนักงานของพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนสูงสุดจากเงินที่จ่ายได้อย่างไร”
นอกเหนือจากข้อมูลค่าครองชีพแล้ว Mercer ยังชี้ให้เห็นว่า สงครามยูเครน การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราเงินเฟ้อกำลังบั่นทองค่าจ้างและเงินออมของพนักงาน และในบรรดาเมืองต่างๆ ในสหรัฐฯ Cordova กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อราคาในบางพื้นที่มากกว่าที่อื่นๆ
ตัวอย่างเช่น Los Angeles (อันดับ 17) รั้งอันดับที่เหนือกว่า San Francisco (อันดับ 19) เนื่องจากอัตราค่าเช่าที่สูงเกินจริงในบริเวณ Bay Area พื้นที่ที่เต็มไปด้วยบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง ซึ่งอนุญาตให้ทำงานทางไกลได้ เป็นต้น ขณะที่ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รายงานจากอะพาร์ตเมนต์ Apartment List ระบุว่า พื้นที่บริเวณ San Francisco-Oakland-Berkeley เป็นเมืองสุดท้ายในสหรัฐฯ ที่มีอัตราค่าเช่าต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาด
อย่างไรก็ดี ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เหล่าพนักงานและนายจ้างต่างตระหนักดีว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงานเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไปแล้ว
“ถ้าคุณต้องไปสำนักงานใหญ่เพียงสัปดาห์ละ 2 วันหรือน้อยกว่านั้น คุณสามารถหาที่พักที่ตั้งอยู่ไกลๆ ได้จริงๆ” Matthew Kahn ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์แห่ง University of Southern California ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับลักษณะการทำงานทางไกลในอีก 5 ถึง 10 ปีกล่าว “คุณสามารถหาที่พักในรัศมี 80 ไมล์ 100 ไมล์จากใจกลางเมือง นี่เป็นการเปิดโอกาสที่เป็นไปได้มากมาย”
ขณะที่บริษัทต่างๆ จะต้องเผชิญกับพื้นที่สำนักงานที่ว่างเปล่า แต่การทำงานทางไกลจะยังคงอยู่ตลอดไป “บริษัทที่แสวงหาผลกำไรสูงสุดโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ จะพยายามทดลองให้มีนโยบายทำงานจากบ้าน เพื่อให้พนักงานรู้สึกพึงพอใจ เนื่องจากพนักงานที่ทำงานดีมักมีทางเลือก มิเช่นนั้นบริษัทจะต้องประสบปัญหาด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไม่มีทางเลือก”
ทั้งนี้ แม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับค่าครองชีพในเมืองต่างๆ แต่ Cordova ยืนยันว่า พนักงานไม่เพียงกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในเมืองที่พวกเขาอยู่ แต่ยังรวมถึงคุณภาพชีวิตของพวกเขาในสถานที่เหล่านั้นด้วย ฉะนั้นบริษัทต่างๆ จึงควรให้ความสนใจกับประเด็นเหล่านี้ด้วยเช่นกัน หากพวกเขาต้องการเพิ่มการจ้างงานในระดับประเทศและในระดับโลก
เพราะอัตราเงินเฟ้อปรับตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ทำให้พนักงานจำนวนมากยินดีที่จะโยกย้ายถิ่นฐาน และยึดติดกับสำนักงานลดน้อยลง
พบกับ “10 เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก ประจำปี 2022” โดย Mercer บริษัทผู้นำด้านการให้คำปรึกษาชั้นนำระดับโลก
- HongKong เขตปกครองพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน
- Zurich สวิตเซอร์แลนด์
- Geneva สวิตเซอร์แลนด์
- Basel สวิตเซอร์แลนด์
- Bern สวิตเซอร์แลนด์
- Tel Aviv อิสราเอล
- New York City สหรัฐอเมริกา
- Singapore สิงคโปร์
- Tokyo ญี่ปุ่น
- Beijing สาธารณรัฐประชาชนจีน
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine