ภาวะเงินเฟ้อร้อนแรงในมุมมองของรุ่นเก๋า
สถานการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา เริ่มทวีความร้อนแรงมาตั้งแต่เมษายน 2564 และไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลงจนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ต้องขึ้นดอกเบี้ยแบบต่อเนื่องและในอัตราเร่งสูงถึง 0.75% ในการประชุมครั้งล่าสุด สูงสุดในรอบ 28 ปี และตลาดยังคาดว่าจะเห็นเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีกในปีนี้ เงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุดเดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ +8.6% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี! จริงๆ แล้วปู่ Buffett เห็นสัญญาณเงินเฟ้อเร่งตัวตั้งแต่การประชุมผู้ถือหุ้นปีที่แล้ว เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเฟอร์นิเจอร์ในพอร์ตของ Berkshire Hathaway ต้องซื้อเหล็กในราคาสูงขึ้น ประชุมผู้ถือหุ้นปี 2565 นี้ ได้มีผู้ถือหุ้นถามปู่ Buffett เกี่ยวกับเรื่องเงินเฟ้อ โดยอ้างถึงสิ่งที่ปู่พูดในปีที่แล้วด้วยครับ โดยคำถามคือ “อยากให้ปู่ Buffett ช่วยเปรียบเทียบเงินเฟ้อรอบนี้กับเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในอดีตว่าครั้งไหนน่ากลัวกว่ากัน” ปู่ Buffett ตอบคำถามจากมุมมองส่วนตัวว่า เงินเฟ้อรอบนี้เกิดจากมาตรการเยียวยาโควิด-19 ในสหรัฐฯ รวมกันมากกว่า 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมถึงมาตรการ QE (Quantitative Easing) และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เข้ามาเติมเชื้อไฟ ถึงแม้เฟดจะบอกว่าตอนนี้เงินเฟ้อใกล้แตะจุดสูงสุดแล้ว แต่ปู่กลับบอกว่า ‘สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเงินเฟ้อจะไปหยุดที่เท่าไร’ พร้อมชื่นชมการตัดสินใจของเฟดเพราะหากเฟดไม่ทำมาตรการ QE ชีวิตคนอเมริกันคงแย่กว่านี้เยอะ ส่วนปู่ Munger ได้เสริมแบบตรงๆ ตามสไตล์ว่า "การที่รัฐบาลสหรัฐฯ พิมพ์เงินแจกบริษัทต่างๆ ทั่วประเทศ ตามมาตรการเยียวยาโควิด-19 ก็เหมือนทำให้ประเทศจมอยู่ใต้กองเงินไปช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็จำเป็นต้องทำ" ปู่ Buffett ย้ำหลักการเดิมว่า ตัวเขาจะไม่คาดการณ์ตลาดหุ้นหรือตัวเลขทางเศรษฐกิจอะไรทั้งนั้น แต่จะคอยหาโอกาสลงทุนจากความผันผวนของตลาดหุ้นในระยะสั้นเป็นหลักมากกว่า เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ตลาดหุ้นผันผวนหนัก หลายคนตัดสินใจล้างพอร์ตลงทุนหนีตาย แต่ Berkshire Hathaway ของปู่กระหน่ำซื้อหุ้นไปแล้วประมาณ 5.1 หมื่นล้านเหรียญ และยังเหลือเงินในมืออยู่อีกประมาณ 1 แสนล้านเหรียญให้ช็อปปิ้งหุ้นถูกต่อครับวิธีรับมือเงินเฟ้อแบบคูลๆ โดย Warren Buffett
เวลามีคนถามเรื่องวิธีการลงทุนรับมือเงินเฟ้อ ปู่ Buffett จะตอบหลักการลงทุนที่เคยได้ยินมาตลอดว่า ต้องลงทุนในธุรกิจที่มีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งสามารถขึ้นราคาได้โดยไม่กระทบยอดขาย แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะคนถามคำถามนี้เป็นเด็กผู้หญิงอายุแค่ 12 ปีที่มาประชุมผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway แล้ว 5 ปี นั่นหมายความว่า เธอเริ่มลงทุนหุ้น Berkshire Hathaway ตั้งแต่ 7 ขวบ 😅 ปู่ Buffett จึงตอบแกมสอนไปว่า สิ่งที่ดีที่สุดในการรับมือเงินเฟ้อคือ ความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจนโดดเด่น เพราะถ้าหนูเป็นหมอหรือทนายความที่เก่งที่สุดในเมือง ยังไงก็มีคนพร้อมจ่ายเงินเพื่อใช้บริการของหนู พร้อมย้ำว่า เงินเฟ้อไม่สามารถกัดกินพรสวรรค์หรือความสามารถของหนูได้ ดังนั้นการลงทุนที่ดีที่สุดเพื่อสู้กับเงินเฟ้อคือ การพัฒนาตัวเอง และพูดถึงกฎ 10,000 ชั่วโมงอันโด่งดังของ Malcolm Gladwell ปู่ Buffett ในวัย 91 ก็ตบท้ายด้วยการยิงมุกตลกว่า ถ้าหนูมาประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทแล้ว 5 ครั้ง ปู่คิดว่า หนูมีอนาคตที่สดใสรออยู่แน่นอน เล่นเอาผู้ถือหุ้นฮาแตกทั้งฮอลล์เลยครับ 😀เงินสดหรือจะสู้เงินเฟ้อ
ปู่ Buffett อธิบายว่า เงินเฟ้อจะกัดกินมูลค่าเงิน โดยเฉพาะคนที่เก็บเงินสดไว้ไม่ยอมลงทุน (ปู่ใช้คำว่า คนที่ซุกเงินไว้ใต้เตียง) ส่วนคนที่ลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ก็ใช่ว่าจะหนีเงินเฟ้อพ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ในเชิงธุรกิจ ปู่อธิบายว่า เงินเฟ้อทำให้ธุรกิจต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้นในการขยายธุรกิจ พร้อมยกตัวอย่างแบบสุดโต่งว่า ถ้าวันนี้เงินเฟ้อสูงร้อยละ 90 จนมูลค่าเงินเหลือแค่ 1 ใน 10 คุณก็ต้องใช้เงินมากขึ้น 10 เท่าเพื่อลงทุนและสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ได้มากกว่า 10 เท่า การขึ้นราคาสินค้าและบริการ เพื่อสู้กับเงินเฟ้อไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกบริษัท โดยตัวปู่ Buffett มักเลือกลงทุนในกิจการที่มั่นใจว่า มีอำนาจต่อรองในตลาดสูง ขึ้นราคาสินค้าและบริการได้ โดยที่ยอดขายไม่ลดลง ลูกค้ายินดีที่จะจ่ายชมประธานเฟดวางไทม์ไลน์ชัด
สุดท้าย ปู่ Buffett ผู้ผ่านวิกฤตมาหลายรอบ ชื่นชมประธานเฟดคนปัจจุบันอย่าง Jerome Powell ที่กล้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อว่า เขาคือฮีโร่ เพราะเขาทำในสิ่งที่ เฟดต้องทำ และอธิบายเสริมว่า ถ้าเป็นประธานเฟดคนอื่นๆ อาจไม่กล้าทำแบบนี้ เพราะถ้าเกิดเงินเฟ้อสูงมากจนวิกฤต คนก็จะไม่โทษเฟดอยู่ดี แต่จะไปโทษโควิด-19 รัฐบาลจีน หรือเรื่องอื่นๆ เมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย ก็อาจทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยหรืออาจจะไม่ก็ได้ แต่ยังไงทุกคนก็ต้องเจอเศรษฐกิจถดถอยอยู่แล้วสักวัน เพราะมันคือวัฏจักรทางเศรษฐกิจ หมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน มีขึ้นก็ต้องมีลง ปู่ Buffett ผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตลอดชีวิต เข้าใจดีว่า จะต้องมีช่วงที่เศรษฐกิจไม่เป็นใจ แต่ด้วยหลักการลงทุนในกิจการที่พื้นฐานแข็งแกร่งเป็นทุนเดิม บวกกับอารมณ์ที่นิ่งสงบ ทำให้ปู่มั่นใจในโอกาสลงทุนที่แฝงอยู่ในความผันผวนตลอดเวลา เหมือนวลีอันโด่งดังของปู่ที่ว่า “ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ คุณก็จะไม่สามารถควบคุมการลงทุนของตัวเองได้เช่นกัน” หากคุณอยากฟังคำตอบเต็มๆ ของ 2 ปู่รุ่นเก๋า จาก การประชุมผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway ปีล่าสุด สามารถเข้าไปดูคลิปวิดีโอและคำบรรยายจากการถอดไฟล์เสียง ฟังแล้วจะยึดหลักปรัชญาการลงทุนของ Buffett ที่ถูกพิสูจน์มาหลายรอบแล้วว่า ทำผลตอบแทนเฉลี่ยชนะดัชนีตลาดหุ้นได้ในระยะยาวมาใช้ ก็จะช่วยให้พอร์ตคุณมีแนวทางการลงทุนที่ชัดเจน ส่วนตัวผมเองก็นำนำปรัชญาการลงทุนของ Buffett มาปรับใช้กับแผนการลงทุน Jitta Ranking และต่อยอดด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มขุมกำลังในการวิเคราะห์หุ้นแบบ Quantitative Value Investing(QVI) ที่ถ้ามีโอกาสผมจะมาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมนะครับ บทความโดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealthไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine