Pierre Chen ประสบความสำเร็จในฐานะวิศวกรผู้เก่งกาจ นักธุรกิจระดับโลก และนักสะสมงานศิลปะชิ้นเอกของ Francis Bacon, Pablo Picasso และ Peter Doig
ล่าสุด เขากำลังขยายอาณาจักรอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยให้เขามีทรัพย์สินเพิ่มสูงขึ้น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการจัดอันดับทำเนียบมหาเศรษฐีแบบเรียลไทม์ของ Forbes ประจำวันที่ 1 กรกฎาคม และก้าวขึ้นเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 4 ของไต้หวัน หลังนำ Yageo เข้าซื้อกิจการ Chilisin Electronics ในไต้หวันที่มูลค่า 1 พันล้านเหรียญ เพื่อขยายธุรกิจตัวเก็บประจุ
นอกจากนี้ ในเดือนเมษายน
Yageo ได้เปิดเผยถึงแผนการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ
Hon Hai Technology Group ของ
Terry Gou มหาเศรษฐีชาวไต้หวัน เพื่อสร้างเซมิคอนดักเตอร์
ปัจจุบัน Yageo มีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่เกือบ 10 พันล้านเหรียญ ขณะที่ Hon Hai เป็นหนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นซัพพลายเออร์ของ Apple ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 4.1 หมื่นล้านเหรียญ
ขณะที่
XSemi บริษัทแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ใน Hsinchu ศูนย์กลางเทคโนโลยีของไต้หวัน ผลิตชิปขายที่ราคาต่ำกว่า 2 เหรียญ
“อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา” Young Liu ประธาน Hon Hai Technology Group กล่าวในแถลงการณ์ “ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในส่วนต่างๆ”
ทว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ธุรกิจนั้นมีนอกเหนือจากการผลิตชิป เห็นได้จากเมื่อปีที่แล้วที่ได้มีการผนึกกำลังพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อรวมความสามารถในการวิจัยและพัฒนาทรัพยากรของทั้ง 2 องค์กร “เราสามารถใช้ประโยชน์จากกันและกันได้”
Chen กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม
โดยทั้ง 2 บริษัทมีความชำนาญด้านการผลิต เทคโนโลยี และการวิจัย อีกทั้ง Yageo มีช่องทางการจัดจำหน่ายทั่วโลก และมีบริษัทในเครืออีก 4 แห่งที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ Kaimei Electronics, Tong Hsing Electronic, Global Testing และ Chilisin Electronics
ไม่นานมานี้ Hon Hai และ Chilisin ของ Chen ได้ย้ายโรงงานการผลิตตามข้อตกลงล่าสุด เพื่อขยายการเข้าถึงไปยังทั่วโลก ขณะที่ความสำเร็จของ Yageo ในการเข้าซื้อกิจการ Kemet ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐฯ มูลค่า 1.8 พันล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว มีส่วนช่วยในการขยายฐานลูกค้าของบริษัทไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์
นอกจากนี้ ในปี 2019 Yageo ยังได้เข้าซื้อ Pulse ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐฯ ที่ 740 ล้านเหรียญ และปีที่แล้วได้ลงทุนอีก 10 ล้านเหรียญในบริษัทสตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าที่มีสำนักงานใหญ่ในลอสแองเจลิสด้วย เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มได้รับความสนใจมากกว่าที่เคย สังเกตจากการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นของหุ้น Tesla และการเสนอขายหุ้น IPO ของจีนที่มีมูลค่าสูง เช่น Li Auto และ XPeng ซึ่งทำให้ Chen มองเห็นอนาคตที่สดใสในธุรกิจประเภทนี้
“แน่นอนว่า EV กำลังจะเปลี่ยนอุตสาหกรรมรถยนต์และยานยนต์รุ่นเก่า แม้ EV และยานยนต์ไร้คนขับจะยังไม่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม แต่คุณสามารถเห็นแนวคิดใหม่มากมาย เรารู้ว่านี่คือแนวโน้มของตลาดในอุตสาหกรรมนี้” Chen กล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อปีที่แล้ว
“ผมไม่ต้องการให้ EV กลายเป็นโมเดลธุรกิจที่เติบโตเต็มที่หรือประสบความสำเร็จก่อนที่ Yageo จะเข้าสู่อุตสาหกรรม เราจำเป็นต้องเริ่มจากการเข้าใจรูปแบบและข้อกำหนดต่างๆ เพราะผมไม่ใช่ผู้เล่นในตลาด EV แต่เป็นผู้จัดหาส่วนประกอบและโซลูชันที่สำคัญ”
ในทำนองเดียวกัน
Hon Hai ก็หันมาให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท ซึ่งล่าสุดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาก็ได้ร่วมมือกับ Fisker จากสหรัฐอเมริกาเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
ด้วยเหตุนี้ ผู้ลงทุนใน Yageo จึงได้รับประโยชน์โดยถ้วยหน้า เมื่อ Chen สามารถสร้างผลกำไรจากการขยายธุรกิจ ดังจะเห็นได้จากยอดขายของ Yageo ในปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เป็น 2.4 พันล้านเหรียญ ขณะที่กำไรสุทธิท่ามกลางการระบาดใหญ่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นร้อยละ 87 เป็น 848 ล้านเหรียญ และคาดว่าปีนี้จะเติบโตได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
โดยในไตรมาสแรกของปี 2021 มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 136 จากปีก่อนหน้าเป็น 465 ล้านเหรียญ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 179 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นร้อยละ 113.8 จากช่วงเดียวกัน
ด้านมูลค่าหุ้นที่ซื้อขายในไทเปของ Yageo ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 48 ในปีที่ผ่านมา ซึ่งทาง Sino-Pac Investment Service คาดการณ์ว่าจะมีโอกาสในการระดมทุนสูงขึ้นกว่าร้อยละ 20
ทั้งนี้ Chen ไม่ได้เติบโตมาจากคครอบครัวที่พร้อมสนับสนุนเงินหลายล้านเหรียญให้กับการลงทุนในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์หรือสะสมงานศิลปะ หากแต่เป็นครอบครัวชนชั้นแรงงานในเมือง Kaohsiung ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการผลิตของไต้หวัน ในยุครุ่งเรืองทางการค้า มีท่าเรือที่คึกคักถึง 10 แห่งของโลก
โดยอะพาร์ตเมนต์ขนาด 140 ตารางเมตรในวัยเด็กของเขา ซึ่งอัดแน่นด้วยสมาชิกครอบครัวทั้งหมด 8 คน ตั้งอยู่ในส่วนหนึ่งของเมืองที่อาคารต่างๆ ในปัจจุบันมีสภาพภายนอกที่เป็นคอนกรีตสีซีดและมีหน้าต่างเป็นรั้ว อยู่ติดกับแม่น้ำเลิฟ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ปนเปื้อนด้วยมลพิษจากอุตสาหกรรมจนไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้
อย่างไรก็ดี Chen ก็ได้มีโอกาสรับแนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบและศิลปะโดยคุณยายผู้รักอิสระซึ่งทิ้งสามีที่เจ้าชู้และผู้เป็นแม่ ซึ่งสอนการออกแบบเครื่องนุ่งห่ม
“แกลเลอรีก็เหมือนร้านหนังสือสำหรับผม” เพราะทั้งคู่ต่างเปิดห้องให้จินตนาการได้ Chen กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ในปี 2015 “เมื่อผมมีเวลาว่าง ผมจะออกไป 2 แห่งนี้ ซึ่งก็คือ ร้านหนังสือและแกลเลอรี่”
โดยกำไรที่เขาได้รับจาก Yageo ได้มีส่วนช่วยในการขยายรสนิยมในงานสะสม “ผมเริ่มต้นบริษัทจากภายในประเทศ ค่อยๆ กลายเป็นบริษัทระดับภูมิภาค และในที่สุดก็เป็นบริษัทระดับโลก ซึ่งทำให้ผมมีโอกาสมากขึ้นที่จะเชื่อมต่อกับโลกตะวันตก”
ในที่นี้ แม้ Chen จะกล่าวว่าแนวทางในการทำธุรกิจและการสะสมของเขาจะแตกต่างกัน แต่เส้นทางของเขาทั้ง 2 เส้นก็มีความคล้ายคลึงกัน โดย Chen เริ่มต้นจากการผลิตในท้องถิ่นก่อนที่จะขยายความสนใจไปยังต่างประเทศ
ปัจจุบัน Yageo มีศูนย์การออกแบบและ R&D 15 แห่ง และโรงงานผลิต 42 แห่งทั่วโลก
“ผมเป็นคนอยากรู้อยากเห็นมาก ผมชอบสิ่งใหม่และน่าตื่นเต้น” เขากล่าวกับ Forbes ในปี 2015 ถึงการลงทุนที่ล้นหลามเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความหลงใหลของเขาไม่ได้ลดลงเลย
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Man On The Move: Latest Acquisition Underscores Taiwan Tech Billionaire Pierre Chen’s Global Ambitions เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม:
Google ขาย AI มูลค่า 2.5 ล้านเหรียญฯ ให้เพนตากอนใช้ในสถานการณ์โควิด-19