การจับคู่ไวน์กับอาหารต่างๆ เพื่อสร้างความสมดุลในแต่ละมื้อเป็นเรื่องที่คอไวน์คงเชี่ยวชาญอยู่แล้ว แต่ Nomadica Wine จะพาคุณไปเปิดประสบการณ์ใหม่ผ่านการจับคู่ไวน์กับงานศิลปะ
'ให้ไวน์เป็นตัวพูด' นี่คือหนึ่งในหัวใจสำคัญเบื้องหลัง Nomadica Wine บริษัทไวน์กระป๋องก่อตั้งโดย Sommelier และเป็นกุญแจนำทางของแบรนด์ โดยหนึ่งในวิธีที่ Nomadica ใช้ในการทำตามหัวใจหลักนี้คือการจับคู่ไวน์ต่างๆกับงานศิลปะที่ห่อหุ้มแต่ละกระป๋องอยู่ “มันมีแนวคิดที่ว่าไวน์กระป๋องคุณภาพต่ำกว่า และเราเองก็อยากที่จะพังทลายแนวคิดนั้นให้หมดจดอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป” Aiden Duffy ผู้นั่งตำแน่ง Creative Director แห่ง Nomadica กล่าว “เราจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างที่มันแหวกแนวกับตัวบรรจุภัณฑ์เพื่อสื่อให้เห็นถึงคุณภาพของไน์ และเป็นภาพบอกใบ้ว่าจิบแรกจะมีรสชาติอย่างไร” นี่แหละคือเวลาที่ต้องใช้การจับคู่กับงานศิลปะ Duffy กล่าวไว้ “เรากำลังคลั่งในคอนเซ็ปต์ Synesthesia และการหุ้มกระป๋องด้วยงานศิลปะก็เป็นวิธีที่เราจะเน้นย้ำถึงรสชาติต่างๆ ในตัวไวน์ อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมระหว่างปรสบการณ์ทางอาหารตาและอาหารปากอีกด้วย” เธอกล่าว ตัวอย่างเช่น เมื่อตอนที่ Duffy และทีมงาน Nomadica กำลังเสาะหางานศิลปะเพื่อมาจับคู่กับ Sparkling Rosé ของแบรนด์ พวกเขาก็ได้เลือก 'Body Study' ของ Rocio Montoya “ตอนนั้นฉันกำลังมองหารูปที่แลดูมีชีวิตชีวา ความรู้สึกลอยตัวเบาๆ และชุดสีที่ออกชมพูๆ ซึ่งเป็นสีที่คนมักนึกถึงเมื่อพูดถึงไวน์โรเซ่รสผลไม้เบาๆ” เธอกล่าว ภาพวาดนั้นก็ตอบโจทย์ทุกข้อ และได้รับไฟเขียวผ่านฉลุยจาก Kristin Olszewski ผู้ก่อตั้ง Nomadica โดยทันที Duffy อธิบายถึงตอนที่ได้ไปพบ Gabrielle Teschner ศิลปินผู้สร้าง 'A Living Thing' ที่ห่อหุ้มไวน์ Sparkling White ของพวกเขาประดุจ 'โชคพามา' “เราเริ่มอธิบายถึงรสชาติแนวทรอปิคที่มีรสเหมือนกับวันหยุดริมทะเล แล้วเธอก็ตกใจมาก งานที่เราหมายตาอยู่นั้น (และสุดท้ายก็นำมาใช้) ได้แรงบันดาลใจมาจากช่วงเวลาที่เธอไปผจญภัยที่แนวชายฝั่งทะเล Florida ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวต่างๆ กลิ่นหลากหลาย และรสชาติมากมาย” เธอกล่าว แล้วเราจะจับคู่ไวน์กับงานศิลปะอย่างไรกันล่ะ “ท้ายที่สุดแล้ว เรารักงานศิลปะเพราะสิ่งที่มันทำให้เรารู้สึก และเราก็รักไวน์เพราะรสชาติของมัน” Duffy กล่าว “งานศิลปะใดก็ตามที่สามารถสร้างสะพายเชื่อมโยงระหว่างประสาทสัมผัสการมองห็นและรสชาติได้ แม้ว่าจะแค่ชั่วครู่ก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการจับคู่ที่ลงตัวแล้ว” Duffy กล่าวว่าเธอและทีมงานของเธอมองหางานศิลปะที่แสดงถึงรสชาติของไวน์ได้อย่างเห็นภาพ “เราชอบที่จะให้มันดูเป็นนามธรรมมากกว่ารูปธรรม อย่างเช่น เราสามารถสื่อถึงโน้ตไวโอเล็ตและต้นเสจสดได้ด้วยภาพเทือกเขาสีเขียว ท้องฟ้าสีม่วงอ่อน แบบงานของ Osamu Kobayashi (Tasty Froggy) บนกระป๋องโรเซ่ของเราได้” เธอกล่าว
“หากมีใครคนหนึ่งหยิบกระป๋องของเราขึ้นมาสักใบ และสามารถหาความเชื่อมโยงระหว่างความรู้สึกที่ได้จากงานศิลปะบนกระป๋องและรสชาติของไวน์ได้ เราก็ถือว่าเราทำสำเร็จแล้ว” เธอกล่าวเสริม
ศิลปะบนกระป๋องเหล่านั้น มันทำให้เห็นภาพมากๆ เลยล่ะ จนกระทั่งลูกค้าหลายๆ คนลังเลว่าจะโยนกระป๋องทิ้งไปหลังดื่มหมดดีหรือไม่ “ลูกค้าหลายคนบอกเราว่ามัน ‘รู้สึกไม่ใช่’ ที่จะโยนกระป๋องทิ้งไปเมื่อดื่มหมดแล้ว” เธอกล่าว “ฉันชอบแนวคิดที่ว่า แม้กระทั่งหลังจากดื่มด่ำกับไวน์เสร็จแล้ว ลูกค้าเองก็อาจจะสร้างแกลลอรี่ขนาดมินิบนชั้นวางของในห้องครัวเพื่อที่จะได้ชื่นชมงานศิลปะเหล่านั้นต่อไปอีกสักพัก”
และเพื่อสร้างมิติสัมผัสในการดื่ม Nomadica ให้หลากหลายยิ่งขึ้น ทางแบรนด์จึงได้ร่วมมือกับนักดนตรีและดีเจจำนวนมากในการสร้างเพลย์ลิสต์สำหรับไวน์แต่ละกระป๋อง โดยนักดื่มทั้งหลายสามารถตามลิ้งก์หลังกระป๋อง หรือไปฟังเพลย์ลิสต์เหล่านั้นได้บน Spotify ของแบรนด์ที่ใช้ชื่อว่า @nomadicaradio
“เป้าหมายสูงสุดของเราก็คือสร้างประสบการณ์ที่ผสานทั้งรูป รส กลิ่น และเสียง” Duffy กล่าว “เราอยากจะเทเลพอร์ตผู้คนไปในที่ที่สวยงามด้วยไวน์สักกระป๋องต่อวัน เราทำการแบรนด์ดิ้งเล็กน้อยมากๆ เพื่อที่งานศิลปะจะได้โดดเด่น และให้ไวน์เป็นตัวพูดเอง”